ขออำนาจแห่งกรรมดีทั้งปวง ช่วยปกปักษ์รักษาผู้ต่อสู้โดยมีธรรมตั้งในจิตใจ และไม่หวั่นต่อ ภัยอิทธิพลมืดใดใด
นักศึกษา ม.รังสิตร้อง
เลือกตั้งสโมสรนักศึกษาไม่เป็นธรรม-ราดน้ำแดงประท้วง
ข่าวส่วนหนึ่งจาก http://www.prachatai.com/05web/th/home/15618
ม.รังสิตประท้วงอธิการบดี จัดเลือกตั้งสโมสร นศ.สกปรก
ข่าวส่วนหนึ่งจาก http://www.oknation.net/blog/kittinunn/2009/02/18/entry-2
ข้าพเจ้าขอนำแถลงการณ์ ณ วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ให้ทุกท่านใคร่อ่านกัน ดังนี้
แถลงการณ์
โดย ประชาคมชาวรังสิต
เรื่อง “ธรรมาภิบาล ประชาธิปไตย สิทธิ เสรีภาพเพ้อฝัน
หากแค่ในมหาวิทยาลัยยังทำไม่ได้”
วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552
สภาวภาพการปกครองบ้านเมืองในปัจจุบันที่ล้วนมองไปแห่งหนใดก็ยังพบเห็นร่องรอยความขัดแย้งทางความคิดของประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศไทย
ครั้งหนึ่งในอดีต การแสดงออกทางความคิดของนิสิต-นักศึกษาต้องกระทำบนความเสี่ยงต่อกระสุนปืน การล้อมปราบของเผด็จการ แต่นักศึกษาก็ล้วนสู้ สู้เพื่อประชาชน เพื่อการลดความแบ่งแยก ความไม่เท่าเทียมกัน เพื่อกษัตริย์และประเทศอันที่เป็นที่รักยิ่งของพวกเรา พวกเราทุกคนโดยเนื้อแท้แล้วต้องการเห็นความสงบสุขของสังคมเหนือสิ่งอื่นใด และด้วยเพราะความต้องการเช่นนั้นบ่อยครั้งที่ต้องเห็นต่างจากรัฐบาล ขัดแย้งกับชนชั้นปกครอง-ลัทธิบูชานายทุน-การค้าเสรี-อำนาจเงินเป็นใหญ่-เห็นแก่ส่วนตัว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำลายระบบศีลธรรมของพวกเรา เป็นสิ่งที่สร้างค่านิยมทางวัตถุ ค่านิยมของคุณค่ามนุษย์โดยใช้เงินเป็นตัวตัดสิน และท้ายที่สุดทุกอย่างแก้ปัญหาด้วยเงิน คนไม่มีเงินคือคนที่ผิด…
เพื่อนนักศึกษาในสมัยนี้ นอกจากโดนทำลายกระบวนการคิด สำนึกจิตสาธารณะ จากระบบทุนนิยมเงินยิ่งใหญ่ แล้ว ยังมาถูกกระทำซ้ำซ้อนจากระบบการศึกษาไทย ลิดรอน สิทธิ เสรีภาพพวกเรา ละเมิดคำกล่าวตามรัฐธรรมนูญที่ว่า “การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้” หลายครั้งที่เพื่อนของพวกเราใช้สิทธิ เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแล้ว กลับโดนทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัย วิทยาลัย โรงเรียนหรือสถานเพื่อการศึกษาอื่นๆคุกคาม กลั่นแกล้ง รวมถึงบ้างครั้งก็ไล่พวกเราออกจากสถานศึกษาด้วยโดยวิธีการที่อ้างว่าเป็นระเบียบ นิสิตนักศึกษาที่มีอุดมการณ์หลายคนจึงหายไป
มหาวิทยาลัยรังสิต แต่เดิมพวกเราเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่แตกต่าง…
ภายใต้การนำของท่านอธิการบดี ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ คุณพ่อวีรบุรุษนักประชาธิปไตยของพวกเรา ได้ดำรงอยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ ศักดิ์ศรี และได้รับการยกย่องถึงวีรกรรมการร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเพื่อประโยชน์ของประชาชน มานานหลายสิบปี มีการสนับสนุนเต็มที่ให้คณาจารย์ และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แสดงให้สังคมเห็นถึงการร่วมต่อสู้เพื่อความถูกต้องในสังคม การแสดงนานาทัศนะทางวิชาการอย่างเป็นเลิศ ต่อสื่อสารมวลชน รวมถึงการมีจุดยืนทางคุณธรรม ศีลธรรม ที่ไม่ก้มหัวให้อำนาจทุนนิยมสามานย์ใดใด
ในเวทีการต่อสู้ทางสังคม-การเมืองระดับชาติ หลายปีที่ผ่านมา ผู้นำบนเวทีหลายท่านได้กล่าวสรรเสริญมหาวิทยาลัยรังสิตเสมอ ถึงการยืนหยัดเคียงข้างความถูกต้อง มุ่งจรรโลงสังคมสู่ “การเมืองใหม่” การเมืองแห่งการเท่าเทียม แห่งความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แห่งระบบประชาธิปไตย ภายใต้พระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ในมหาวิทยาลัยรังสิตเอง ทุกครั้งที่เกิดปัญหาทางสังคมภายใน ไม่ว่าจะเป็น การชุมนุมร้องเรียนของนักศึกษาแพทย์กว่า300ชีวิต เมื่อปี 2549-2551 ที่ผ่านมา เรื่องปัญหาคุณภาพระบบการศึกษา และได้มีการยื่นเรื่องต่อทางแพทยสภา หรือ การชุมนุมคณะนิติศาสตร์ ขับไล่ผู้บริหารผู้ฉ้อฉล จนหลุดพ้นจากตำแหน่ง จนทั้งสองกรณีนี้ปรากฎเป็นเรื่องราวทางหน้าหนังสือพิมพ์
ทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ภายในมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งที่สุดแล้ว อำนาจสูงสุดของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ กล่าวคือ คุณพ่ออาทิตย์ อุไรรัตน์ ได้ลงมาให้ความช่วยเหลือ จนผ่านพ้นวิกฤตไปได้ทุกครั้ง
มหาวิทยาลัยรังสิตพูดอยู่เสมอถึงเรื่อง ธรรมาภิบาล, ธรรมาธิปไตย และได้แสดงออกทางการกระทำ ทางสื่อสารมวลชน ต่างกรรม ต่างวาระ
และได้มีการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่บุคคลในสังคม ที่เป็นที่ยอมรับในการสร้างมาตรฐาน บรรทัดฐานทางธรรมาธิปไตย ระดับประเทศ อยู่ทุกปี
จากการเคลื่อนไหวและผลงานที่กล่าวมาข้างต้น สังคมประจักษ์ว่ามหาวิทยาลัยรังสิตได้มีส่วนร่วมทางสังคมในการสร้างธรรมธิปไตยขึ้นจริงๆ และเชิดชูผู้ที่สร้างคุณค่าแก่ประเทศไทย
ในการนี้ เมื่อย้อนกลับมามองในมหาวิทยาลัยรังสิตเอง กลับมีเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่เกิดขึ้นแล้ว
การเลือกตั้งสโมสรนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปี 2552 มีการทุจริต คอรัปชัน การเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยผู้กระทำผิดคือ กลุ่มผู้เรียกตนว่า “อาจารย์” ทำตนเป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมาจากสำนักงานกิจการนักศึกษา และส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
เป็นการกระทำที่เริ่มมาตั้งแต่จุดมุ่งหมายว่า ทำอย่างไรให้ตนเองสามารถเข้ามาบริหารงบประมาณ กว่า6ล้านบาท ของสโมสรนักศึกษา และสั่งการสโมสรนักศึกษาได้อย่างเบ็ดเสร็จในการรับใช้อำนาจของตน
ความพยายามนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการรับสมัครการเลือกตั้ง ในเดือนพฤศจิกายน 2551 ได้มีการสร้างทีมผู้สมัคร ที่เป็นนักศึกษาในอาณัติของตนขึ้น เพื่อลงรับสมัครเป็นกรรมการสโมสรนักศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิต
ระหว่างช่วงการหาเสียง ได้มีความพยายามช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างน่าเกลียดของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งการเรียกประชุมเป็นการเฉพาะทีมเดียว การสนับสนุนทางการเงิน(โดยนำงบประมาณของสโมสรนักศึกษาปีก่อนไปใช้) การช่วยเหลือทางด้านข้อมูล ข่าวสาร เอื้อประโยชน์ด้านประชาสัมพันธ์ทุกอย่างแก่ทีมเดียวซึ่งเป็นทีมในอาณัติของตน ไม่ว่าจะเป็น การหาเสียงทางช่องมหาวิทยาลัย(U-channel) การหาเสียงทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย การให้จัดการดีเบทโดยให้เจ้าหน้าที่และพิธีกรช่วยเหลือทีมในอานัติของตนอย่างเต็มที่ การให้ใช้เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ให้แก่ทีมนักศึกษาทีมนั้น โดยทีมผู้สมัครอื่น ไม่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ ซ้ำร้ายคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ บุคคลที่เรียกตนว่า “อาจารย์” กลุ่มนี้ ยังคอยปกป้อง ถกเถียงแทนทีมในอานัติตนเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะมีการยื่นคัดค้าน หรือการซักถามในที่ประชุม ถึงการหาเสียงอย่างผิดกฎการเลือกตั้งของทีมนี้
นอกจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง จะวางตัวไม่เป็นกลางแล้ว ยังไม่สามารถรักษากฎระเบียบ กติกาการเลือกตั้งได้ และปล่อยปละ ละเลย (หรืออาจสนับสนุน) ให้มีการทุจริตทั้งในช่วงการหาเสียงการเลือกตั้ง อาทิเช่น ให้มีการข่มขู่คณาจารย์ที่สนับสนุนทีมอื่น ปล่อยให้มีการทำลายป้ายทีมอื่น แต่ทีมตนเองกลับปกป้องอย่างถึงที่สุด สั่งการให้ผู้รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยช่วยดูแลทีมในอานัติของตนเป็นพิเศษ หากใครมาต่อว่า หรือทำลายป้าย จะถูกหิ้วตัวทันที
ในวันเลือกตั้งเองนั้น วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้งยังปล่อยให้มีการทุจริตอย่างชัดเจน อาทิเช่น การลงคะแนนเสียงแทนกัน การยกหีบ การหาเสียงของทีมในอานัติของตนข้างคูหา การขับไล่ผู้สังเกตการณ์ของทีมอื่นออกจากจุดเลือกตั้งบางจุด เพื่อเอื้อต่อการทุจริตของทีมในอานัติตนเองได้ การให้ทีมในอานัติของตนเอง ไปนั่งในหาเสียงคูหาเลือกตั้งเป็นเฉพาะทีมเดียว และอีกหลายกรณีที่ผิดกฎระเบียบ กติกาการเลือกตั้ง
หลังจากวันเลือกตั้งแล้ว ช่วงที่ให้ยื่นหนังสือคัดค้าน ทีมผู้สมัครอื่นๆ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนปัญหาคุณภาพและความไม่เป็นกลางของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามกฎระเบียบ กติกาการเลือกตั้งทุกอย่าง รวมถึงได้ยื่นหนังสือแด่ท่านอธิการบดี คุณพ่อของพวกเรา
เป็นเรื่องตลกร้ายของระบบประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ กกต.ไม่โปร่งใส และจะต้องมาพิจารณาเรื่องร้องเรียนว่าตนเองไม่โปร่งใส
ดังนั้น เรื่องจึงเป็นว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ได้แม้แต่จะยกหนังสือร้องเรียนขึ้นมาพูดคุยใดใด ก็ตัดสินรับรองทีมในอานัติของตนเองเป็นการเร่งด่วน รวมถึงประสานงานกับฝ่ายประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย ให้ประชาสัมพันธ์เรื่องราวของทีมในอานัติตนเองขึ้นเว็บไซต์เป็นการด่วน ในปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา และผิดระเบียบการเลือกตั้งอีกนั้นแล
ความพยายามของผู้ที่เรียกตนเองว่า “อาจารย์” กลุ่มนี้ ยังไม่บรรลุจุดประสงค์สูงสุด คือการเอาเข้าที่ประชุมของมหาวิทยาลัย เพื่อรวบรัดให้ยกมือรับรองสโมสรนักศึกษาภายใต้อานัติตนเอง แต่จุดนี้ เป็นเรื่องดีที่ ในที่ประชุมระดับมหาวิทยาลัย กล่าวคือ ท่านรองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาของหลายคณะ ได้กระทำตนเป็นเยี่ยงอย่างความชาญฉลาด และการมีจุดยืนที่ถูกต้อง เที่ยงตรง ยุติธรรม ของประชาธิปไตย นั่นคือ ไม่มีใครยกมือรับรองสโมสรนักศึกษาในอานัติของคณะกรรมการการเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว (ยกเว้นคณะกรรมการเลือกตั้งเอง ที่ยกมือสนับสนุน และพูดหว่านล้อมอยู่ตลอดการประชุมให้รับรองทีมในอานัติตนเอง)
ส่วนเรื่องหนังสือที่ได้ยื่นไปทั้งหมด ยังไม่ได้รับคำตอบใดใด แม้เวลาจะผ่านมาเกือบ1เดือน
มหาวิทยาลัยรังสิต ดำรงอยู่มา ไม่ว่าจะผ่านวิกฤตการณ์ทางการเมือง ทางสังคม มาครั้งใด ก็ล้วนไม่เท่าการแพ้ภัยตนเอง การเรียกร้องหาธรรมาภิบาล ธรรมาธิปไตย ของสังคม การมุ่งสู่การเมืองใหม่ การสร้างประโยชน์แก่สังคมใดใด ก็ไม่สามารถสำเร็จได้ หากแม้ภายในมหาวิทยาลัย ยังปล่อยให้มีการทุจริตการเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการทำลายประชาธิปไตย ของพลังนักศึกษา เช่นนี้
สังคมจะรับรู้ความจริง และพลันนึกถึงความเป็นรังสิต ที่ดีนอก กลวงใน หรือสวยแต่รูป จูบไม่หอม
สังคมจะรับรู่ว่าการเลือกตั้งตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรังสิตครั้งนี้ช่างเป็นการกระทำอันน่าอับอายอย่างมาก เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง นอกจากจะทุจริต ไม่โปร่งใส ไม่เป็นกลางแล้ว ยังได้มุ่งประเด็นทำลายทีมนักศึกษาที่มีความเห็นต่างจากทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง(รวมถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิตที่เกี่ยวข้องบางท่าน) เพราะเหตุเพียงว่านักศึกษาทีมอื่นนั้นรักษาผลประโยชน์ของนักศึกษา ของสังคม ของประชาชนเป็นหลัก อีกทั้งได้ปิดกั้นการแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษาที่เห็นต่างจากแนวทางของมหาวิทยาลัย
พวกเราประชาคมชาวรังสิต มหาวิทยาลัยรังสิต จึงต้องออกมาชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้สังคมได้ร่วมด้วยช่วยกันตรวจสอบมหาวิทยาลัยรังสิต และกดดันคณะกรรมการโกงการเลือกตั้ง ให้แสดงความรับผิดชอบต่อการทำลายประชาธิปไตยในระดับนักศึกษา
หากในระดับนักศึกษา ยังสอนให้มีการทุจริต คอรัปชั่นต่างๆ ขนาดนี้ ไม่ต้องหวังเลยว่าในภายภาคหน้า สังคม ประเทศชาติ ของเราจะเป็นเช่นไร
สุดท้ายนี้ พวกเรายังเชื่อมั่นในคุณพ่อ วีรบุรุษประชาธิปไตย ที่จะให้ความช่วยเหลือนักศึกษาผู้อ่อนด้อย และถูกรังแกตลอดมา จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(รวมถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยรังสิตที่เกี่ยวข้องบางท่าน) และ
พวกเรามีเจตจำนงค์อันบริสุทธิ์ว่ามหาวิทยาลัยรังสิตแห่งนี้ต้องมีข้อบังคับคุ้มครองเสรีภาพทางการแสดงความคิดของนักศึกษาตามรัฐธรรมนูญ ทุกๆเรื่องเพื่อให้พวกเราได้เสนอทางออกแก่สังคมด้วยพลังบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะขัดแย้งผลประโยชน์ของใครก็ตาม
โดยขอเสนอแนวทางกราบเรียนคุณพ่อ ท่านผู้บริหารบนจุดยืนสูงสุดในการรักษาประชาธิปไตย พิจารณาดังนี้
1. ควรดำเนินการอย่างเคร่งครัด มิให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือผู้บริหารมหาวิทยาลัยท่านใด แทรกแซงกลไกการเลือกตั้งตัวแทนนักศึกษา(สโมสรนักศึกษา)อย่างเด็ดขาด
2. ควรออกกฎระเบียบให้ความคุ้มครองนักศึกษาที่แสดงออกทางความคิดที่มิได้กระทำการอันขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรมอันดีใดใด โดยมหาวิทยาลัยรังสิตควรเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบมาตรการนี้ ประชาสัมพันธ์ความเป็นต้นแบบของระบอบประชาธิปไตยระดับนักศึกษา สู่สังคม
3. ควรมีการพิจารณาโทษ และใคร่ขอการแสดงความรับผิดชอบอย่างสูงสุด ของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ดูแลการเลือกตั้งนี้ทั้งหมด ในการทำลายระบอบประชาธิปไตยของมวลมหาประชาคมชาวรังสิต
4. ควรสนับสนุนการแสดงออกทางการเมืองระดับนักศึกษาทุกๆฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน
ด้วยสำนึกสาธารณะ
ประชาคมชาวรังสิต มหาวิทยาลัยรังสิต