บทความนี้เขียนก่อนเหตุการณ์สงกรานต์เลือด แต่ได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร Demo-Crazy ฉบับ พฤษภาคม 2552
วิพากษ์ความหลายเหลี่ยมแห่งจิต
ชเนษฎ์ ศรีสุโข นักศึกษาแพทย์ปี5 โรงพยาบาลราชวิถี chanesd@gmail.com
บก.ให้การบ้านซึ่งยังเกี่ยวเนื่องกับเรื่องจิตๆ…
ขอย้อนความไปตั้งแต่การประชุมสภา ไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ เราก็คงเห็นความหลากหลายทางสภาพจิต ของ บรรดาท่านผู้มีเกียรติในสภา ไม่ว่าจะชูให้นิ้วกลางกัน พูดจาหยาบคาย พูดจาโอ้อวด ปั้นเรื่อง หลายคนพยายามหาเสียงระหว่างอภิปราย อยากเด่น อยากดัง พยายามโฆษณา ประชาสัมพันธ์ตนเอง ส่วนหนึ่งเพราะเป็นรายการถ่ายทอดสดให้ชมได้ทั่วประเทศผู้ชมหลายคนจึงได้สนุกสนานกับการเห็นคนเหล่านี้แสดงบทบาทในสภา บทบาทที่ไม่เหมือนคน…
เหล่านี้ ขอให้สังคมเป็นผู้ตัดสินการกระทำ คงไม่อาจกล่าวหาท่านผู้มีเกียรติในสภา เป็นโรคจิตเด่นชัด เพียงแต่เป็นบรรดาพวกท่านที่เห็นแก่ตัว-ประโยชน์ของตนมากเกินไป คัดค้านรัฐบาลเพื่อเอาใจนายใหญ่ ทั้งที่ข้อมูลการอภิปรายไม่มีเนื้อหาสาระ จึงพยายามดึงดูดใจผู้ชมด้วยพฤติกรรมดังที่เห็น ส่วนพฤติกรรมก้าวร้าวเกินไป อาทิเช่น การชูของลับ นั้น ก็คงสะท้อนการสั่งสอนของบรรพบุรุษ การดูแลของครอบครัวในวัยเด็กที่ไม่อบอุ่นนัก คุณพ่อคุณแม่ เพื่อน คนใกล้ชิด เป็นปัจจัย ให้ สส.ท่านนี้เห็นว่าการใช้คำหยาบคาย หรือการแสดงท่าทางอกุศลเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติ หวังว่าคงมีคนเตือนท่านให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้เสียนะครับ และแทบไม่ต้องพูดเลยว่า คนที่เลือกท่านมาเป็นผู้แทนผู้ทรง(เสื่อม)เกียรติ คงต้องคิดให้มากขึ้นในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งถัดไป
ผู้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองช่วงนี้ หลายคนคงเห็นเหมือนผมว่า บ้านเมืองเรามัวยุ่งอยู่กับเรื่องของคนชื่อ “ทักษิณ” ไม่จบไม่สิ้น ทั้งที่ควรจะผ่านพ้นสถานีคุณทักษิณนี้ไปได้ตั้งนานแล้ว (อาจารย์แพทย์ประเวศ วะสี ท่านได้กล่าวไว้) เพราะเมื่อจอดอยู่กับสถานีนี้นานเกินไป ประเทศชาติก็ไม่พัฒนาไปถึงไหนได้สักที
ข่าวสาร ผลงานของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ก็มีเรื่องที่น่าชื่นชม และเกิดการพัฒนาก้าวหน้าในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาธารณสุข ฯลฯ การเดินทางไปประชุมต่างประเทศ ทั้งระดับผู้นำเอเซียน หรือล่าสุด คือประชุมระดับจียี่สิบ คือสุดยอดผู้นำโลก, ข่าวสมเด็จพระราชินีอังกฤษทรงพระราชทานเลี้ยงท่านนายกฯของเรา หรือข่าวอื่นๆ แต่สื่อมวลชนจำนวนหนึ่งกลับมัวสนใจ เสนอข่าวทักษิณไม่จบสิ้นส่วนหนึ่งก็คงเพราะ เป็นสื่อในสังกัด เครือข่าย บริวาร ที่คุณทักษิณสามารถซื้อได้นั่นเอง
ในการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ไม่น่ามีราคาอะไร สื่อมวลชนก็ให้ความสนใจ ความสำคัญกับการโฟนอิน ของคุณทักษิณ เล่นลิเกเรียกแขก ให้กลุ่มคนเสื้อแดง (ซึ่งแถวบ้านผม มีมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปกันจำนวนมาก ให้ข้อมูลว่า ไปเต็มวันได้พันบาท ไปค่อนวันได้แปดร้อย ไปครึ่งวันได้ห้าร้อย ย้ำว่าแถวบ้านผมนะครับ แถวอื่นไม่รู้) การชุมนุมเสื้อแดงนี้เริ่มมาหลายวันแล้ว จนแกนนำพันธมิตร คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาท้าทายให้เสื้อแดงชุมนุมแสดงพลังไปเรื่อยๆ อย่าให้น้อยกว่า “ของจริง” คือ หนึ่งร้อยเก้าสิบสี่วัน ของเสื้อเหลืองพร้อมกล่าวหาว่าเป็นม็อบโลหิตประจำเดือน และยังมาแบบกระปิดกระปรอยด้วย
ถ้า บก. จะให้ผมวิเคราะห์สภาพจิตใจของคนตกงานคนหนึ่ง ที่ภรรยาหลวงหย่า มีภรรยาน้อยจำนวนมากแต่ก็ไม่สามารถกลับไทยมาหาได้ มีลูกติดยา ติดกัญชา และมัวเมากับปาร์ตี้แอลกอฮอล์กันบ่อย เป็นคนที่จ่ายเงินจำนวนมากให้กับบรรดาคนหัวขวดที่หวังแต่จะเขมือบเงินก้อนมหึมานี้สร้างการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้เกิดการนิรโทษกรรมให้ตนเองและพรรคพวก ที่ทำความผิดจนศาลตัดสินจำคุก และตัดสิทธิ์ทางการเมือง ที่ว่ามาทั้งหลายเล่านี้ ฟังปัญหาของผู้ป่วยรายนี้แล้วน่าเห็นใจนัก
คิดว่าทุกคนวิเคราะห์ได้ว่าผู้ป่วยร่ายนี้นั้น ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรในชีวิต เงินและทรัพย์สินที่ได้จากการคอรัปชันของตนและบริวาร ไปรวมๆกันเป็นแสนแสนล้านบาท เงินล้นฟ้า แต่ไม่สามารถหาความสุขในตนเองและครอบครัวได้
ภาพการแสดงท่าทีเกรี้ยวกราด การพูดจากลับไปกลับมา การกล่าวพาดพิงบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติครั้งก่อน ป้ายสีคนไปทั่ว การแสดงทีท่าอิจฉาริษยานายกฯคุณปัจจุบัน ผ่านวิดีโอลิงค์แสดงให้เราเห็น เป็นรายการที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นแน่นเต็มอกหลายคนเริ่มสงสัยว่าผู้พูด ปกติหรือไม่
คุณทักษิณกำลัง รับไม่ได้กับสภาพที่ตนเองเป็นอยู่ และมุ่งหวัง ความฝันเฟื่องแบบลมๆแล้งๆ ฝันอยากพ้นโทษ ฝันอยากกลับมาเป็นใหญ่อีก โดยไม่ได้สำนึกในการกระทำ กรรมที่ได้รับทุกวันนี้จากผลการกระทำในอดีตของตนแล้วจริงๆ คุณทักษิณเองก็ยังไม่กล้ากลับไทยมารับโทษของตน จึงแสดงออกโดยการก่อม็อบข้ามโลกเช่นนี้
คุณทักษิณมีความคิดอยู่เสมอ และแสดงออกตลอดเวลาว่า ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ชอบธรรม คือประชาธิปไตยภายใต้ระบอบทักษิณ ที่มีทักษิณเป็นผู้นำ ที่ปกครองด้วยคนระบอบทักษิณเท่านั้น การที่นายกฯคนปัจจุบัน ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ต่อหน้าอารยประเทศ ประชุมผู้นำ แสดงความสามารถในการบริหาร แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี เป็นหน้าเป็นตา และความภาคภูมิใจ ของประเทศ คุณทักษิณก็รับไม่ได้ เลยต้องโจมตี วิจารณ์ แอบอ้างตนเองว่าเก่งที่สุดอยู่เสมอ คราวก่อนก็วิจารณ์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของจีนและอเมริกาว่าไม่ได้เรื่อง ตนเองเก่งที่สุด ตนเองดีคนเดียวครั้งนี้ก็อ้างว่าถ้าตนยังเป็นนายกฯอยู่ คนจนจะหมดประเทศในปี 2552 น้องชายผมฟังแล้วยังอาเจียน
อ้างเรื่องการใช้ทุนไอเอ็มเอฟ หมดก่อน ทั้งที่ความจริงเป็นการใช้ทุนก่อนงวดชำระ แต่เอาไปหาเสียงกับชาวบ้านได้ ด่ารัฐบาลนี้ว่ากู้เงินเยอะ “หาเงินไม่เป็น กู้เก่ง” ทั้งที่สมัยทักษิณ ก็มีกู้เงินอยู่ตลอด เพียงแต่ไม่พูดถึงเท่านั้นเอง
ทักษิณยังพูดเหมือน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ในเรื่องการดูแลภาคใต้ เรื่องอื่นๆ เหมือนทักษิณเป็นอภิมหาปราชญ์คนเดียวของแผ่นดิน
พูดจนถ้าคนไม่เคยรู้อะไรมาก่อนอาจเกิดความหวัง ว่าประชาธิปไตยหนึ่งเดียวของทักษิณ จะนำชาติไทยพ้นภัยได้ แต่ถ้าคนฟังติดตามข่าวสารมาตลอด จะรู้ว่าจริงๆแล้ว “ภัยของชาติไทยทุกวันนี้ คือ ประชาธิปไตยของทักษิณ แบบทักษิณ เพื่อทักษิณ” นั่นเอง โดยมิใช่เพื่อประชาชน ชาวบ้านยากจน แต่อย่างใด
ทั้งหมดของคุณทักษิณ ในตอนนี้ เป็นเรื่อง ของความหลงผิด (Delusion) คือ ความเชื่อที่ผิดต่อความเป็นจริง (Fixed false believe) ครับ อาการหลงผิดคือการปักใจเชื่อในบางสิ่งบางอย่างอย่างฝังแน่น ไม่ว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือมีหลักฐานคัดค้านที่เห็นชัดว่าสิ่งที่เขาเชื่อนั้นผิด เขาก็ยังฝังใจเชื่อเช่นนั้น คุณทักษิณหลงผิดว่าตนเองเก่งที่สุดในโลก หลงผิดว่าตนเป็นเทวดา หลงผิดว่าตนยิ่งใหญ่(Grandiose delusion) หลงผิดว่าศาลตัดสินผิด มีคนบงการศาลทั้งหลายในประเทศไทย แม้ว่าศาลจะชี้แจงชัดเจน บรรดาผู้เกี่ยวข้อง และนักวิชาการ ออกมาวิเคราะห์ คุณทักษิณก็ไม่เชื่อ คุณทักษิณเชื่อแต่ตนเอง ระบอบทักษิณดีที่สุด ทักษิณต้องเป็นนายกฯได้คนเดียว โดยแม้ผู้อื่นมาเป็นแล้วดีกว่า ทำให้ประเทศชาติพัฒนาได้มากเท่าไร คุณทักษิณก็ไม่เชื่อ
คุณทักษิณกำลัง หลุดออกจากความเป็นจริง (Out of reality) กล่าวคือ”หลุดโลก”ผู้ป่วยโรคจิตเภทมักมองโลกผิดไปจากความเป็นจริง ซึ่งแตกต่างจากคนทั่วๆไป อย่างที่คุณทักษิณกำลังเป็นอยู่ คือเริ่มอาการหนัก เพราะคิดว่าตนเองเป็นนายใหญ่สั่งการได้จากที่ไหนทุกที่ในโลก แล้วจะมีผู้รับคำสั่งไปทำให้ ทั้งที่รู้ว่ามันเงินตัวเองทั้งนั้นที่เสียไป แต่ก็กลับพูดดีใจว่ามีคนมาชุมนุมกันเพื่อตนเอง ผู้ป่วยอาจจะมีอาการวิตกกังวล รู้สึกสับสน อาจจะดูเหินห่าง แยกตัวจากสังคม อย่างที่เห็นว่าผู้ป่วยรายนี้ แยกตัวไปอยู่ต่างประเทศเลย และไปนานเสียด้วย ผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา อาทิเช่นพูดกลับไป-กลับมา พูดสร้างเรื่อง พูดติดๆ-ขัดๆในลำคอ (มีพฤติกรรมผิดไปจากเดินอย่างมาก) ถ้าไปดูภาพวิดีโอสมัยก่อนไม่เห็นท่านเป็นหนักขนาดนี้
อาการOut of realityนี้ เป็นหนึ่งในอาการสำคัญของโรคจิต Schizophrenia (ภาษาไทยเรียก โรคจิตเภท ซึ่งผมเคยเขียนถึงตัวอย่างโรคนี้ไว้คร่าวๆ ใน ตอน “นักการเมืองโรคจิต(2)” ไปแล้ว) โรคจิตเภทมีการแบ่งย่อยอีก แต่ในผู้ป่วยหลายเหลี่ยมรายนี้จะเห็น Psychotic dimension ชัดคือมีลักษณะ อาการหลงผิด และประสาทหลอนเด่น
อาการหลงผิดที่พบบ่อย เช่น หลงผิดคิดว่าตนเองถูกกลั่นแกลง ปองร้ายตลอดเวลา (Persecutory delusion) ดังที่จะเห็นจากโฟนอินทุกครั้ง ผู้ป่วยรายนี้กล่าวหาว่าทุกคนกลั่นแกล้งตน, หลงผิดคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน
โลกนี้ เช่นฟังวิทยุโทรทัศน์ เป็นไปเพื่อสื่อความหมายถึงตนเอง (Delusion of reference) คือคิดว่าทุกสื่อกำลังสนใจทักษิณ, หลงผิดคิดว่าตนเองมีอำนาจ มีความสามารถพิเศษเป็นบุคคลสำคัญ (Grandiose delusion ซึ่งกล่าวไปแล้ว)
อาการประสาทหลอนที่พบบ่อยในโรคจิตเภท จะเป็นอาการหูแว่ว (Auditory hallucination) ได้ยินเสียงเป็นเรื่องเป็นราว โดยคนอื่นไม่ได้ยินกับผู้ป่วย อาทิเช่น ได้ยินคนพูดถึงความดี เยินยอ สรรเสริญตนเอง ทั้งที่มันไม่มีใครพูด (Voice discussing and voice commenting) บางทีก็คิดกลัวว่าผู้อื่นจะรู้ในสิ่งที่ตนเองคิด (Thought broadcasting)
ผู้ป่วยยังจะมี Disorganized speech and behavior คือ ลักษณะสำคัญ ความคิดกระจัดกระจาย แสดงออกมาทางความคิด และท่าทาง พฤติกรรมวุ่นวาย การแสดงออกทางอารมณ์ไม่เหมาะสม เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
[อ้างอิง จิตเวชศาสตร์รามาธิบดีฯ www.ramamental.com] ผู้อ่านสามารถหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อช่วยกันวินิจฉัยผู้ป่วยรายนี้กันได้นะครับ
อาการทั้งหลายเหล่านี้ เชื่อว่าผู้ป่วยเป็นมาได้นานพอควรแล้ว จึงควรรีบปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อรักษา ในรายคุณทักษิณ พยากรณ์โรคยังดีอยู่บ้าง เพราะเกิดช่วงอายุมาก เศรษฐานะดี ถ้าจะไม่ดีก็คงเป็นเรื่องครอบครัวไม่พร้อมจะช่วยเหลือในการรักษา(อยู่ห่างไกลกัน)
โรคนี้เกิดขึ้นได้ ส่วนหนึ่งเพราะการใช้อารมณ์มากเกินไป…
มีอดีตรองอธิบดีฯ ท่านหนึ่งกล่าวกับผมว่า “ถ้าทักษิณรู้จักแพ้เป็น วันข้างหน้าจะกลับมายิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ”
ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ทุกวันนี้คุณทักษิณลืมความสำเร็จของตนเองในอดีต และไม่รู้จักแพ้ ไม่อดทนรอคอยเวลาและโอกาส ที่จะกลับตัวกลับใจ คุณทักษิณดันทุรัง ใช้อารมณ์มาก เครียดมากกับทุกๆเรื่องราวในชีวิตของตนเอง ครอบครัว และน่าจะหนักใจมากกับบริวารรับใช้ ที่รับเงินทุกวัน แต่ทำงานไม่ได้ดังใจคุณทักษิณ ด้วยเหตุเช่นนี้ ใช้อารมณ์มาก จนเป็นโรคจิตเภท
ขอแนะนำให้ผู้ป่วยนักโทษชายทักษิณ ปล่อยวาง อดีตนักโทษหลายคนที่หนีออกจากประเทศ มักวางตัวให้สงบ เข้าหาธรรม หรือการพัฒนาด้านจิตใจ ตอนหลังสังคมก็ให้อภัยให้กลับมาตายเมืองไทยได้ หากผู้ป่วยนักโทษชายทักษิณ ยังไม่ปล่อยวาง พูดว่าตนเองเป็นสุนัขเชื่อง-อดทนมามากพอแล้ว แต่เรากลับเห็นความพยายาม-การกระทำตลอดมา ตั้งแต่หลังการปฏิวัติ เพื่อโจมตี ใส่ร้าย บุคคล สถาบันสำคัญต่างๆ รวมถึงพยายามทำลายประเทศไทยดังเช่นทุกวันนี้แล้ว ถ้าไม่หยุด ผมคิดว่าหลายคน(รวมทั้งประชาชนที่รู้ทันท่าน)คงไม่อยากให้ท่านกลับมาตายเมืองไทย
สุดท้าย แม้ว่าหลายคนจะไม่เข้าใจทักษิณก็ตาม…
ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจ นักโทษชาย “ผู้ป่วยโรคจิต” รายนี้ ว่าเขาเป็นผู้ป่วยทางจิต เป็นผู้ป่วยที่น่าเห็นใจ แม้เขามีพฤติกรรมที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือสร้างความลำบากใจแก่ทุกฝ่าย ที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะเขาป่วย และการป่วยนี้สามารถรักษาได้ในโรงพยาบาล
เรื่องที่เป็นสาระในคำพูดของคุณทักษิณ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย อาทิเช่นเรื่อง ผู้คนที่วางแผนปฏิวัติคุณทักษิณและมาเสวยอำนาจ กลับบริหารงานไม่เป็น ถ่วงความเจริญของประชาธิปไตย และทำให้สถาบันกษัตริย์หมิ่นคลอน และยังทำให้การเมืองยังเป็นการเมืองแบบเก่าๆทั้งสิ้น นอกเหนือจากเรื่องนี้ คุณทักษิณพูดไปด้วยอาการป่วยของตนเองทั้งสิ้น …จิตเภท
PiiE
ชอบจัง :)อ่านแล้วคิดได้ว่า ชีวิต ไม่ใช่การเอาชนะ แต่เป็นการ(ยอมรับ)ความพ่ายแพ้..แล้วก็รู้สึก สงสารเหลี่ยมที่หลงผิดจนกลายเป็นโรคจิต จนอยากอโหสิกรรมให้ = ="
albert
มาอ่านด้วยคนครับ…
Monthiya
"ถ้าทักษิณรู้จักแพ้เป็น วันข้างหน้าจะกลับมายิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ"เราชอบประโยคนี้มากเลยนะ
Chetthida
อ่อ … เพราะเขาป่วยนี่เองน่าสงสาร (ประเทศไทย) จริงๆนะคะเนี่ย
Kwanta
ขอบคุณที่ไปแวะเยี่ยมนะคะไม่ค่อยนิยมการเมือง ขออภัยมนุษย์มีเสรีคะ