พระสยามฯ
พระสยามฯ
คุณย่าสุดที่รักของข้าพเจ้า ในวัย ๗๘ปี ยังแข็งแรงดีเมื่อเทียบกับคนชราในวัยเดียวกัน
ท่านเป็นคนชราที่ทันสมัย เป็นผู้ฝักใฝ่ทั้งในทางโลกและทางธรรม ท่านชอบติดตามข่าวสาร ทั้งด้านการเมือง ด้านสังคม ด้านบันเทิง(ยังรู้จักดาราวัยรุ่นอยู่มาก) ท่านได้ติดตามข่าวสารผ่านทั้งทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคนชราจำนวนมากที่ยังทันยุคทันสมัย หากใครได้มีโอกาสพูดคุยถามไถ่เรื่องการเมืองตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ หรือเรื่องประวัติศาสตร์ต่างๆ ท่านก็สามารถสนทนาพูดคุยได้อย่างสนุกสนาน และเป็นผู้มีประสบการณ์ เป็นที่น่าประทับใจของเพื่อนๆข้าพเจ้าที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับท่าน ครั้นมาเที่ยวบ้านเสมอ
แต่หากจะว่าไปแล้ว คงมีเพียงอินเตอร์เน็ทเท่านั้น ที่คุณย่าท่านตกยุคและไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะฉะนั้นท่านก็คงไม่เห็นบทความนี้ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้แอบเล่าเรื่องคุณย่าดังที่กล่าวมาข้างต้น
ช่วงนี้ ท่านได้อุทานอยู่บ่อยครั้งว่า
“เหตุใด พระสยามฯ (องค์พระสยามเทวาธิราช) จึงไม่ช่วยบ้านเมืองเราเลยหนอ?”
ข้าพเจ้าจึงกล่าวทำนองทะเล้น สนุกสนานว่า “เกรงว่าพระองค์ท่านกำลังไปเที่ยวอยู่”
คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียดนะครับ ว่าคุณย่าของข้าพเจ้านั้น เป็นกังวล ห่วง ถึงเรื่องใด?
สำหรับนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่น เยาวชนรุ่นใหม่นั้น คงเคยได้ยินคำ “พระสยามเทวาธิราช” มากันมาก แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจและศึกษาประวัติศาสตร์ ถึงที่มาของพระสยามฯนี้
ความเป็นมาของ “พระสยามเทวาธิราช” นี้ เริ่มขึ้น ในสมัยก่อนครับ ช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙ ของชาวตะวันตก เป็นช่วงล่าอาณานิคม พวกฝรั่งตาน้ำข้าวได้รุกรานประเทศในเอเชียอาคเนย์จำนวนมาก ครอบครองประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราทั้งสิ้น สำหรับประเทศไทยเราเองนั้น ก็เผชิญมรสุมการแทรกแซงจากตะวักตกอย่างมาก มีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญที่เสี่ยงเกือบจะเสียเอกราชหลายครั้ง แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของกษัตริย์ไทยหลายพระองค์ในอดีต ก็สามารถพ้นภัยมาได้ ทำให้พวกเราลูกหลานไทยมีเอกราชมาจนถึงทุกวันนี้
จวบจนมาถึง ในสมัยพระมหากษัตริย์ของไทย รัชกาลที่๔ ครับ คือ องค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริว่าเมืองไทยเรานี้มีเหตุการณ์หวิดๆจะต้องเสียอิสรภาพมาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นได้เสมอมาชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งที่คอยพิทักษ์รักษาอยู่จึงสมควรจะทำรูปเทพพระองค์นั้นขึ้นไว้สักการะบูชาแล้วโปรดให้พระองค์เจ้าดิษฐวรการ (หม่อมเจ้ารัชกาลที่๑) นายช่างเอกทรงปั้นรูปเทพพระองค์นั้นเป็นรูปทรงต้นยืนถือพระขรรค์ในพระหัตถ์ขวาขนาด๘นิ้วฟุต งดงามได้สัดส่วนแล้วหล่อด้วยทองคำแท่งทั้งพระองค์ทรงถวายพระนาม“พระสยามเทวาธิราช“แล้วประดิษฐานไว้ในพระวิมานกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณจนทุกวันนี้ในสมัยรัชกาลที่๔พระองค์ท่านทรงถวายเครื่องสังเวยเป็นราชสักการะทุกวันและเป็นที่นับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก
กลับมาพูดถึงเรื่องที่คุณย่าท่านเป็นห่วง ข้าพเจ้าได้พูดคุยเรื่องการเมืองกับคุณย่าอยู่บ่อยครั้งครับ คุณย่าท่านแสดงความเห็นว่า การเมืองสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่แย่มาก แย่กว่าสมัยคุณย่ายังเด็ก ในสมัยก่อนนั้น การเมืองแม้จะมีการเข่นฆ่ากัน แต่ก็ไม่ได้ทุจริตคอรัปชันขนาดนี้ และนักการเมืองสมัยก่อนนั้นยังมี คุณธรรม ศีลธรรม มากกว่าในสมัยนี้ ที่เห็นแก่เงินมากเกินไป รวมถึงคุณย่ายังเสียใจที่มีประชาชนจำนวนมากยังขาดความรู้
สอดคล้องกับอาจารย์หมอที่ข้าพเจ้าเคารพรักหลายท่าน ก็พนันกับข้าพเจ้าเลยว่า แนวโน้มประเทศไทย จะเลวลง เลวลง ในยุคหลังจากนี้ ที่นักการเมืองไร้สิ้นคุณธรรมกันหมดแล้ว
อาจารย์ชัยอนันต์สมุทวณิช กับบทความ “อนาคตที่น่าเป็นห่วงของประเทศไทย” ๒๐มค๕๑ ท่านกล่าวว่า เวลาผ่านไปนาน ๓๐ปี ทำให้ท่านนึกถึง “การเมืองไทยที่ไม่ก้าวหน้าไปถึงไหนเลย”
ที่ยกตัวอย่างมานี้ เป็นตัวอย่าง แสดงให้เห็นว่าผู้เฒ่าผู้ชราในสังคมของเราหลายคนก็รู้สึกคล้ายๆกัน
หากท่านปรีดี พนมยงค์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านคงเสียใจอยู่ไม่มากก็น้อยสำหรับยุคนี้ ว่าผลผลิตจากความคิดอันดี และการริเริ่มอันยิ่งใหญ่ของท่าน ที่หวังจะเห็นประชาธิปไตยในอนาคตอันงดงาม ในตอนนี้ยังอยู่ท่ามกลางปัญหาสาหัส
โดยเฉพาะด้านการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ความรู้ของประชาชนในระดับรากหญ้า ที่ถูกแทรกแซงจากระบอบอุปถัมภ์ พรรคพวก ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น และเงินทุนจากนายทุน นักการเมืองใหญ่ ที่ใช้ซื้อเสียง ทุจริตการเลือกตั้ง วิถีชีวิตของชาวบ้านผู้ยากไร้ และชนชั้นล่าง ที่วันวันหนึ่งทำแต่งานหนัก หาเช้ากินค่ำ ก็ไม่รู้หรอกว่าใครดีไม่ดี เพียงแต่ว่าใครที่ให้เงิน ใครที่ลูกพี่หรือผู้มีอิทธิพลในชุมชนสนับสนุน ก็ไปช่วยเลือกคนนั้น รวมถึงชนชั้นกลางและชั้นสูง มีน้อยคนที่จะลงไปสัมผัส เข้าใจวิถีชีวิตของชนชั้นรากหญ้าจริงๆ
นับวัน ช่องว่างระหว่างชนชั้นจะยิ่งมากขึ้นๆ นี่หรือคือระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีเสียงเท่ากันหนึ่งเสียง
สำหรับข้าพเจ้าเองนั้น เห็นว่าประชาธิปไตยจากผู้คนที่หิวโหย จะเรียกว่าประชาธิปไตยไม่ได้ครับ
ด้วยปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นมานี้ จะว่าไปไม่รู้เวรกรรมของประเทศชาติอย่างไรนะครับ กฎหมายที่มีไว้แต่ไม่ศักดิ์สิทธิ์ เข้มแข็ง ข้าราชการและระบบรัฐที่ยังขึ้นอยู่กับอิทธิพลอำนาจนักการเมือง ระบบตรวจสอบ องค์กรอิสระที่ยังถูกแทรกแซงตลอด หรือแม้แต่ศาลสถิตยุติธรรมถูกวิจารณ์ว่าศาลซื้อได้ และถูกกล่าวหาว่าเป็นวิกฤตการณ์ตุลาการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๙ จนในหลวงทรงมีพระราชดำรัสถึงศาลหลายต่อหลายวาระด้วยกัน
เพราะฉะนั้นแล้ว วิกฤตการณ์การเมืองจนถึงปัจจุบันนี้ ทำให้คุณย่าท่านและหลายๆคน ระลึกถึงพระสยามฯ แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าหากทุกฝ่ายสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ เลือดเนื้อของบรรพบุรุษที่หลั่งไหล เพื่อให้ไทยมีเอกราชจนถึงทุกวันนี้แล้ว ก็หวังว่าทุกฝ่ายจะทำหน้าที่ของตนให้เต็มที่อย่างซื่อตรง และเลือกข้างคุณธรรม ข้างฝ่ายดี เพื่อสกัดความชั่วร้ายไม่ให้มีอำนาจทำลายชาติ แทรกแซงสถาบันต่างๆ อย่างที่เป็นมา และต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจ พยายามให้ประชาชนฉลาดขึ้นให้มาก ให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ไม่ปิดกั้นประชาชนอย่างที่นักการเมืองในอดีตทำเพราะหวังให้ประชาชนฉลาดน้อย หลอกใช้ได้ง่าย รวมถึงกระบวนการทางกฎหมายต้องใช้ได้จริง ศักดิ์สิทธิ์
หากทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีแล้ว ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระสยามเทวาธิราช พระองค์ท่านย่อมไม่ดูดาย และความดีที่ทุกคนร่วมกันทำ จะบังเกิดผลยิ่งใหญ่ ประโยชน์แผ่ไพศาลแก่พวกเราทุกคน ลูกหลาน และสยามประเทศ สืบนานเท่านาน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลเพื่อการศึกษา :
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/K3552688/K3552688.html
http://forum.serithai.net/index.php?topic=13788.msg183190
http://th.wikipedia.org/wiki/พระสยามเทวาธิราช