ความสูญเสียของแผ่นดิน
ความสูญเสียของแผ่นดิน
ชเนษฎ์ ศรีสุโข(chanesd@gmail.com)
หยดน้ำตาหลั่งไหลเป็นสายธาร สะอื้นร่ำไห้ ข้าพเจ้าหลบหน้าคุณย่า และคุณแม่ เพื่อมิให้สังเกตได้เข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า และเอาพัดลมเป่า กลบเกลื่อนรอยน้ำตา
การร้องไห้เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกของคนเรา บ้างเสียใจ บ้างเจ็บปวด บ้างดีใจ บ้างซาบซึ้งยินดี แตกต่างอารมณ์ แต่ก็มีน้ำตาไหลออกมาเหมือนๆกัน นักวิทยาศาสตร์บางท่านยังว่า การร้องไห้เป็นการระบายสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย
แม้ว่าข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าร่ำไห้เพราะเหตุผลอันใด? อกหัก ถูกทิ้งเมื่อครึ่งปีที่แล้ว? เรียนหมอความกดดันหนัก? เพื่อนๆบางคนไม่รัก? มีความเครียดในชีวิต? เหงา เดียวดาย? อาจารย์ที่รักป่วยหนัก?
เหตุผลนานาทำให้คนเราร้องไห้…
ช่วงนี้คนไทยร้องไห้กันมาก ส่วนหนึ่งจากปัญหาการเมืองที่ค่อนข้างปวดหัว และว่ากันว่ามองเห็นแสงสว่างของประเทศชาติ ทางออกในการแก้วิกฤตการณ์เหล่านี้ริบหรี่ลงเรื่อยๆ
แต่ที่เป็นทุกข์สลดโศกสุด น้ำตาปวงประชาราษฎร์รินไหล ก็คงเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของสยามประเทศ และของโลก มวลมนุษยชาติ นั่นคือ ความอาลัย ที่มีต่อการจากไปของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ข้าพเจ้าเองแม้จะยังมีอายุน้อย แต่ได้ถวายสักการะเคารพเสมอมา ด้วยรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่พระองค์ท่านทรงโปรดแก่ประชาราษฎร์ในทั่วทุกระแหง ทุกหย่อมหญ้า โดยตลอดมา และเชื่อว่ามีประชาชนจำนวนมหาศาลที่รำลึกถึงพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่งในตลอดชีวิตของพวกเขา
หากจะกล่าวกัน ถึงพระกรณียกิจของพระองค์ท่าน หลายๆคนย่อมนึกถึงโครงการหลากหลายมากมาย สมเด็จพระพี่นางฯ ได้ทรงทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายแก่ประเทศชาติเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีโดยทรงมีโครงการในพระอุปถัมภ์มากมายหลายร้อยโครงการอาทิเช่นโครงการแพทย์อาสาฯ(พอ.สว.) และมูลนิธิขาเทียมฯ รวมถึงการสนับสนุนในโครงการต่างๆของรัฐ ที่ดี อาทิ ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินกองทุนสมเด็จย่าเพื่อช่วยเหลือและทรงสนพระทัยโครงการจัดส่งเยาวชนไทยไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการตั้งแต่ปี๒๕๓๒เป็นต้นมาด้วยทรงตระหนักว่าเยาวชนที่มีสติปัญญาเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ
พระดำริของท่านดั่งเช่นนักพัฒนาที่มองการณ์ยาวไกล
ในสายวิชาชีพที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่นั้น คือแพทย์ หากจะกล่าวถึงโครงการที่ชัดเจนที่สุดที่ทุกคนย่อมนึกถึง เป็นโครงการที่สมเด็จพระพี่นางฯทรงสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จย่า นั่นคือ มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ซึ่งสมเด็จย่าฯทรงก่อตั้งไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๑๒ โดยแรกเริ่ม ทรงพบว่าราษฎรจำนวนมากเมื่อเจ็บป่วยไม่มีโอกาสได้รับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันจึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยแพทย์เคลื่อนที่โดยเสด็จฯเสมอมา เข้าถึงในท้องถิ่นต่างจังหวัด และถิ่นทุรกันดาร และในกาลต่อมาหลังสมเด็จย่าสวรรคต สมเด็จพระพี่นางฯทรงดำรงตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์สืบมา
หากกล่าวถึงผู้ที่ได้รับพระมหากรุณาอย่างเด่นชัด ก็คงต้องถามจากเจ้าหน้าที่รัฐ และราษฎรในที่ทุรกันดาร ที่พร้อมใจกัน เรียกมูลนิธินี้กันว่า “แพทย์ทางอากาศ” หรือ “แพทย์ทางวิทยุ” อันเนื่องจากมีการใช้ระบบการสื่อสารทางวิทยุรับ-ส่ง ให้คำปรึกษา และรักษาผู้ป่วย
ราษฎรนอกจากจะได้รับประโยชน์คณานับแล้ว ยังเปี่ยมล้นด้วยจิตกุศล ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ผู้ป่วยจำนวนมากที่ทุพพลภาพ หรือคุณภาพชีวิตมีปัญหาอย่างมากมาก่อน เมื่อได้รับการหยิบยื่นความช่วยเหลือทางการแพทย์แล้ว สามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปรกติชน และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เหล่านี้เปรียบเสมือนได้ชีวิตใหม่ หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานแสนสาหัสที่เป็นมาตลอดชีวิตของพวกเขา
อาสาสมัครในมูลนิธินี้ก็มีจำนวนมากขึ้นทุกวัน และต่างได้ทำทาน ร่วมมือประสานกัน ได้ช่วยเหลือประชาชนภายใต้พระราชดำริของพระองค์ บังเกิดความสุขเป็นล้นพ้นของราษฎร เป็นการสร้างบุญสร้างกุศลที่หาใดเปรียบ
นอกจากเรื่องที่ได้กล่าวแล้วนั้น โดยทั่วไป ประชาชนที่ติดตามข่าวในพระราชสำนักฯ สมเด็จพระพี่นางฯทรงเป็นแบบอย่างของลูกที่ดีที่ทรงตามเสด็จสมเด็จย่าฯไปทุกที่ โดยมีพระจริยวัตรอันงดงาม และหากประชาชนศึกษาพระราชประวัติของพระองค์มากขึ้นแล้ว พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถ และพระอัจฉริยภาพในหลายด้าน และได้ใช้พระปรีชาสามารถเหล่านั้น ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคมและแผ่นดินแห่งนี้ ทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนที่รักของพระองค์ และประชาชนเกิดความรักกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ อันจะนำไปสู่สังคมอันสงบสุขที่ทุกคนร่วมฝันใฝ่
ตลอด๘๔พรรษาที่ผ่านมาสมเด็จพระเจ้าพี่นางฯทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายอันพึงเป็นเนื้อนาบุญอันไพ บำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนคนไทย และแผ่นดินไทย ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้คนยึดมั่น และสิ่งที่พระองค์ทรง มิเคยทรงย่อท้อพระองค์จะทรงเป็น“พระพี่นางฯ” ที่จะดำรงอยู่แม้พระวรกายลาลับ ดำรงอยู่ในหัวใจและจิตวิญญาณ ของคนไทยต่อไปตราบชั่วกัปป์กัลป์
สุดท้ายนี้ขอยกบทประพันธ์ของคุณป้าอี๊ดที่เคารพรัก – นางชมัยภร แสงกระจ่าง นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ลมแห่งโศกโบกหล้า ประชาไทย สมเด็จพระพี่นางฯไกล ลับแล้ว
น้ำตาราษฎร์ร่วงรินไหล อาลัยสุด ขอเสด็จเสวยสวรรค์แผ้ว ภพโพ้นสวรรยา
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะฯ