การชุมนุมนักศึกษาแพทย์! (อีกแล้ว)
ไม่น่าเชื่อว่า ภายในเวลาประมาณ 2 ปี เกิดการชุมนุมใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ถึง สองครั้ง สองครา
นักศึกษาแพทย์ที่ชาวบ้านชาวเมืองคิดว่าต้องเป็นผู้คงแก่เรียนใส่แว่นตาหนาเตอะ หมกมุ่นกับกองหนังสือ กลับมาเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง เดินหน้าพร้อมใจชุมนุม ต่อต้านความอยุติธรรม และความเลวร้ายที่เกิดขึ้น!
นักศึกษาแพทย์ชุมนุมครั้งนี้เพราะอะไร มาติดตามกัน
นักศึกษาแพทย์รังสิต มาเรียนม.รังสิต ต่างภาคภูมิใจในคณะ และมหาวิทยาลัย ทุกคนรักท่านอธิการบดี อาทิตย์ อุไรรัตน์ และเชื่อมั่นในตัวผู้ใหญ่ใจดี อดีตนักการเมืองและวีรบุรุษผู้สร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง นักประชาธิปไตย ผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อความถูกต้องอยู่เสมอ รักษาธรรมาธิปไตยให้ดำรงไว้ในแผ่นดิน เรา
นักศึกษาแพทย์ต่างสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ทำกิจกรรมระดับชาติ และองค์กรระดับชาติมามาก โดยไม่คิดสิ่งตอบแทน ผลการสอบใบประกอบโรคศิลป์ และด้านวิชาการก็พัฒนาขึ้นมาก ภายใต้การสนับสนุนของอดีตคณบดีผู้ล่วงลับในสมัยก่อน คือ ศ.(คลินิก)พญ.บุญเชียร ปานเสถียรกุล ผู้แสดงธรรมให้ประจักษ์ สั่งสอนคุณธรรมจริยธรรม ให้นักศึกษาแพทย์ยึดมั่นในการเป็นแพทย์ที่ดี และเป็นคนที่ดี เสียสละเพื่อส่วนรวม
เล่าความถึงเมื่อสามสี่ปีก่อน ปัญหาที่ผ่านมา ขาดแคลนทรัพยากร ขาดแคลนหลักสูตรการศึกษาที่ดี ขาดแคลนสถานที่ อาคาร อุปกรณ์การศึกษา และที่สำคัญกว่าสิ่งใด ขาดความรัก ความอบอุ่น ขาดการดูแลเอาใจใส่จากผู้บริหาร เรียนด้วยตนเอง จบด้วยตนเอง เป็นศิษย์เก่าคิดอยากกลับมาช่วย ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ศิษย์เก่าจึง เสียใจ หนีหายกันไปมากนักศึกษาแพทย์สมัยนั้นนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรกันดี เพื่อยกระดับคณะให้ดีขึ้น
ครั้งก่อนนั้น นักศึกษาแพทย์จึงร้องเรียนกันเป็นเวลายาวนาน ขอร้องให้มหาวิทยาลัยพัฒนาวิทยาลัยแพทย์ให้เจริญยิ่งใหญ่ขึ้น ร้องเรียน ชุมนุม เจรจากันหลายครั้ง เข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยอยู่หลายหน แต่ทุกคำสัญญา ทุกท่าทีกลับเป็นการปฏิเสธนักศึกษา เหตุการณ์จึงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดชุมนุมใหญ่นักศึกษามากกว่าสามร้อยชีวิต ในวันที่ 3 สิงหาคม 2550 ออกข่าวสารลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และเว็บไซต์ข่าวชั้นนำจำนวนมาก (ไม่นับเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ล่มมาโดยตลอดจากการถูกนักศึกษาโจมตีประเด็นต่างๆ) ต่อมาเรื่องจึงเดินทางไปถึงยังแพทยสภา และสำนักงานการอุดมศึกษาฯ ช่วยกดดันผู้บริหารมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งที่คอยถ่วงความเจริญของคณะแพทย์
การเจรจาตกลงกับผู้ใหญ่ใจดีจึงเกิดขึ้น ท่าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้มีบารมีและอำนาจสูงสุดในฐานะท่านอธิการบดี ได้มีเมตตา เรียกแกนนำนักศึกษาเข้าประชุมโต๊ะกลมโดยทันที! และแสดงความจริงใจในการสัญญาตอบสนองความต้องการของนักศึกษาทุกประการ
ท่านคณบดีบุญเชียร ผู้ต่อสู้ให้นักศึกษาแพทย์เช่นกัน ตอนหลังป่วยเป็นมะเร็งปอด ลามไปตับและอวัยวะภายใน ท่านยังสู้เพื่อนักศึกษาจนหยดสุดท้าย เดินหอบมาทำงานทุกวัน ป่วยให้เคโมจนเป็นไข้ก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แม้สามีและลูกห้าม ก็ดึงดัน รั้นที่จะร่วมสู้เพื่อนักศึกษาแพทย์ด้วยโดยไม่กลัวอำนาจ อิทธิพลใดใดของผู้ที่จะคอยกลั่นแกล้ง และเสียประโยชน์ จากการที่อธิการบดีตกลงสนับสนุนนักศึกษาแพทย์เต็มที่ในครั้งนั้น
สัญญาต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย มีการเซ็นสัญญา และการให้วาจาสัตย์กับนักศึกษาแพทย์ ในการสร้างอาคารเพิ่มขึ้น พื้นที่หลายไร่ การให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆเพิ่มขึ้น และมุ่งตั้งหลักสูตรแพทยศาสตรศึกษาใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ของท่านอธิการบดี ที่ตรงกับนักศึกษาแพทย์ทุกคนว่า เราจะพัฒนาคณะนี้ ให้เจริญเทียบเทียมคณะแพทย์ชั้นนำอื่น สนับสนุนอย่างเต็มที่โดยไม่คิดเพียงกำไร เพราะ ม.รังสิต “สร้างบัณฑิตรู้ลึก สร้างสำนึกเพื่อสังคม” เรื่องนี้มหาวิทยาลัยได้ลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับเช่นกัน เพื่อแก้ไขกรณีการร้องเรียนแพทยสภาของนักศึกษาแพทย์
นักศึกษาแพทย์ยินดีมาก ในครั้งนั้น และสรรเสริญท่านอธิการบดีและคณบดีบุญเชียร ประหนึ่งบิดาและมารดาของแพทย์รังสิตพลางคิดว่าเราจะเจริญได้แล้ว นักศึกษายิ่งมุ่งพัฒนาสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยมากขึ้นด้วยความรักในสถาบัน และการสนับสนุนของท่านอธิการบดี
แต่กาลกับตาลปัตร สัญญาที่ให้ไว้กลับมีปัญหามาโดยตลอด ทั้งการบิดพลิ้วของผู้บริหารท่านอื่นหลายท่าน อาคารที่สัญญาไว้ ถูกยึดคืนกลับไปหมดสิ้น หลักสูตรล่าช้า อุปกรณ์ ทรัพยากรต่างๆ ติดปัญหา ผู้บริหารไม่สนับสนุน ไม่อนุมัติ
หลัง คณบดีบุญเชียรเสียชีวิต ผู้บริหารบางท่านบอกกับนักศึกษาแพทย์ทำนองว่า “คนตายแล้ว ไม่มีใครสานต่อ ต้องล้มเลิกโครงการทั้งหมด”ชั้นอาคารของคณะแพทย์ เนื้อที่กว่า 3000 ตารางเมตร ที่ตกลงไว้ ทำสัญญาไว้ คณะแพทย์ปรับปรุงการก่อสร้างมาหลายครั้ง เพิ่งสร้างเสร็จ นักศึกษาแพทย์กำลังจะเข้าใช้ด้วยความยินดี กลับถูกยึด โดยอ้างเหตุผลเชิงธุรกิจไปเสียสิ้น!
จึงเกิดการลุกฮือของนักศึกษาแพทย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรอบสองปี ดังกล่าวแต่ต้น เกิดการเดินสาย เดินขบวน จนพัฒนาต่อเนื่องมายังเหตุการณ์ที่จะเป็นครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การพัฒนาแพทย์รังสิต 20 สิงหาคม 2552 (ต่อไปน่าจะเรียกว่า “สิงหาได้ชัย” เพราะชุมนุมใหญ่เดือนสิงหาคมตลอด)
การชุมนุมครั้งใหญ่ ครั้งนี้ ปิดล้อมใต้อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ต่างจากครั้งที่แล้ว ที่เจรจากับอย่างสงบ สันติกับผู้บริหารหลายท่าน ที่พิสูจน์ให้นักศึกษาแพทย์รับทราบชัดในวันนี้ว่า เชื่อถือไม่ได้ ครั้งนี้เราไม่ได้แจ้งสื่อสารมวลชนใดใดเพราะเรารักในมหาวิทยาลัยและท่านอธิการบดี และไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียแก่มหาวิทยาลัย
การปิดล้อมเป็นเวลายาวนานกว่าห้าชั่วโมง หลังการเจรจาระหว่างนักศึกษาแพทย์กับผู้บริหารมหาวิทยาลัยโดยตลอดนั้น จึงเริ่มได้ข้อสรุป นั่นคือ นักศึกษาแพทย์ จะได้รับการพัฒนา และอาคารของแพทย์ที่สร้างเสร็จ จะได้รับไปใช้เหมือนเดิมท่านอธิการบดีผู้เมตตา ได้ตกลงช่วยเหลือเรา ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่ให้เกียรติยืนเรียงแถวต่อหน้านักศึกษาแพทย์ ชี้แจงข้อมูลและให้สัญญาด้วยวาจาสัตย์ยิ่งกว่าครั้งก่อน ด้วยเกียรติภูมิของผู้ใหญ่ที่ทำงานให้สังคม เป็นพันธะทางใจระหว่างนักศึกษาแพทย์กับผู้บริหารอีกครั้งหนึ่ง
คณบดี ศ.(คลินิก) นพ.สุรวิทย์ เตชธุวานันท์ คนปัจจุบัน แม้เป็นคณบดีท่านใหม่ แต่มากด้วยประสบการณ์ทำงานในอดีต เปี่ยมคุณธรรม จริยธรรม ตั้งแต่สมัยท่านเป็นรองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้แสดงถึงความจริงใจ และกำลังเป็นที่รักของนักศึกษาแพทย์รังสิต คนต่อไป ทั้งในฐานะแพทย์ตัวอย่างผู้ทรงคุณงามความดีแก่สังคม และการเป็นอาจารย์ที่เมตตาช่วยเหลือลูกศิษย์ สนับสนุนลูกศิษย์ในการตั้งใจเรียน สร้างผลงานทางวิชาการ และกิจกรรมเพื่อสังคมสืบไป
นี่คือ ธรรมาธิปไตย สังคมที่กำลังจะเป็นธรรมอีกครั้ง หลังประชาธิปไตยของนักศึกษา การเมืองภาคประชาชนของนักศึกษา ที่อุดหนุน ค้ำยัน สร้าง “สังคมธรรมาธิปไตย” ให้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต
นี่คือ ธรรมาธิปไตย ของท่านอธิการบดี และสัญญาทางใจระหว่างผู้บริหารทุกท่าน กับนักศึกษาแพทย์ จึงเป็นจุดจบของการชุมนุมในครั้งนี้ เราคงต้องรอเฝ้าดูกันว่า ภายในอีกสิบปี ยี่สิบปี แพทย์รังสิตจะพัฒนาไปในทิศทางใด ลบคำครหาต่อว่าในอดีต มุ่งสู่การสร้างสรรค์สังคมด้วยการเป็นแพทย์เก่ง ดี มีคุณธรรม คอยช่วยค้ำจุนสังคมสืบไป
ท่านอธิการบดี ฝันเห็น แพทย์รังสิต เป็นดั่งแพทย์ฮาร์วาร์ดของอเมริกา เราเชื่อเช่นนั้น และทุ่มเต็มที่มุ่งไปสู่การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยการเดินหน้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ของท่านอธิการบดี และผู้บริหารทุกคน นักศึกษาใคร่ขอกราบขอบคุณและสรรเสริญท่านในฐานะวีรบุรุษประชาธิปไตย ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และดำรงตนประหนึ่งผู้บริหารอันทรงธรรมที่สุดแห่งยุคสมัย ชื่อของท่านและม.รังสิต จะถูกจดจำไปนาน บันทึกในแผ่นดินตราบชั่วนิรันดร์ ถึงการเป็นผู้สมบูรณ์ประเสริฐพร้อมด้วยกุศลจิต ผู้มิเคยได้เห็นผลประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจาก “ประโยชน์ของประชาชน”