กลอน
กลอนก่อนไปกบินทร์บุรี
กลอนก่อนไปกบินทร์บุรี
ลาก่อนราชวิถี…
1เดือนนี้ไปกบินทร์ถิ่นสวรรค์
ปล่อยคลิปไว้ ให้ผู้ร้าย เจ็บใจพลัน
ผองเพื่อนฉัน พี่น้องเรา จงเจริญ
นำความจริง ยิ่งโอสถ โปรดเผยแพร่…
ผู้ใหญ่แท้ แห่ช่วยให้ ไม่ห่างเหิน
ส่วนคนดี ดูสนุก มุกเพลิดเพลิน
…ขอบคุณเทอญ ขอแพทย์ไทย ได้ไชโย
*** ขอให้วงการแพทย์ในอนาคต มีการร่วมมือร่วมใจกัน โดยไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณะ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนคนไทย และการพัฒนาของแพทย์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
สาธุ…
http://www.youtube.com/watch?v=RR_n4JpkakQ
เวรทำเอาอดทัศนากีฬาเข็มฯ
ทุกๆปี ผมจะไปร่วม งานเข็มสัมพันธ์
เป็นงานกีฬาของเพื่อนพี่น้องนิสิตนักศึกษาแพทย์ที่จัดร่วมกัน แต่ก่อนเรียก งานกีฬา13เข็ม
5ปี ที่ผ่านมา เจ้าภาพ ตั้งแต่ ธรรมศาสตร์, เชียงใหม่, มศว, ขอนแก่น, มหิดล ผมไปร่วมทุกงาน อย่างมีความสุขสนุกสนาน
เราเบิกบานกับวงการแพทย์ของรุ่นเรา ที่ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ หรือดูถูกเบียดเบียนกันใดใด ต่างจากสังคมของผู้อาวุโสในปัจจุบัน
ปีนี้ด้วยภารกิจ Extern จึงไม่สามารถไปร่วมได้เท่าไรเหมือนทุกๆปี ทั้งที่พระมงกุฏ-รังสิต(น้องๆผมเอง) เป็นเจ้าภาพร่วม
เลยแต่งกลอน
กลอนน่าเศร้า…
เวรทำเอาอดทัศนากีฬาเข็มฯ
แถมยังล้าง่วงเหงาหน้าตาไม่เต็ม
เลยพลาดเกมบาสเกตบอลตอนกลางวัน (น้องตู มช ก็มาแข่งนะเฟ้ย)
เลยคิดไปงานชุ่มชื่นคืนพรุ่งนี้
นาคแนวดีนนทพันธ์นั้นชวนฉัน
ส้มกิ่งก้านช่างเบิกบานไปด้วยกัน
หวังให้วันพรุ่งนี้ดีแฮปปี้เอย
ยี่สิบสาม ถึงหยิบห้า ตุลานี้
คือวันดี เข็มสัมพันธ์ อย่าพลันเฉย
แพทย์พี่น้อง ผองไทยล้วน ม่วนชมเชย
พระมงกุฏ-รังสิตเหวย เจ้าภาพงาน
กลอนวันเกิด 2553
ให้กล้ามีความคิดฤทธายิ่ง
ดับทุกข์โศกโรคภัยให้ใครจริง
และเป็นสิ่งเตือนตนให้พ้นภัย
พ่อแม่ก็ได้แต่เป็นห่วง
กลัวว่าปวงสิ่งร้ายมา กรายใกล้
อยากให้ลูกสุขกายสบายใจ
ให้ได้อย่างที่หวังทุกครั้งครา
แต่ชีวิตมนุษย์สุดกำหนด
มีรันทดสุขสรรค์และหรรษา
มีลาภเสื่อมลาภเป็นธรรมดา
อยู่ที่ฟ้าลิขิตชีวิตเรา
และทุกอย่างเนื่องนำใจกำหนด
ให้ใจสดชื่นใจไม่หมองเศร้า
ไปอย่างไรเป็นอย่างไรใจรับเอา
ให้ลูกเฝ้าดูแลใจในทุกวัน
สุขสรรค์วันเกิดพี่กล้า
1 กรกฎาคม 2530
ครบรอบ 23 ปี
ด้วยรักและห่วงใย
พ่อแม่กลางเกน
คุณแม่คุณพ่อ แลกลางเกนครับ
รำลึกคุณบุพการียี่สิบสาม
ผ่านทุกข์โศกโรคภัยหลายขวบนาม
เห็นความงามตามความคิดลิขิตตน
เมื่อต้องผิดคาดหวังทั้งฝึกฝน
แม้มุ่งมั่นทำดีนี้เพื่อมวลชน
ทำไม”คน”หลายชนชั้นพลันว่าเรา
ว่าเราฝืนสั่งไม่ได้เพราะไม่เขลา
ว่าเป็นหมอคณะห่วยรวยทำเนา
จึงแพ้เขาอำมาตยาข้าเด่นดี
ทะลุใจดั่งเลือดไหลในทุกที่
เป็นบทเรียนเตือนคนเพียรให้ได้ที
รำลึกคำพ่อแม่นี้จึงพ้นภัย
คนเรากลับลับธุลีมิเสียหลาย
ยศเสื่อมยศลาภเสื่อมลาภอย่างง่ายดาย
บทสุดท้ายคือคุณค่าในใจตน
อย่าโทษใครใจลำเค็ญเป็นฉงน
มุ่งสร้างธรรมธรรมนำค่าพัฒนาตน
เป็นกุศลเริ่ม”กล้า”ใหม่ให้แผ่นดิน
กล้ามุ่งมั่นกล้าพิทักษ์กล้ารักษ์ศีล
กล้าทำบุญกล้าเพื่อคุณกล้าโบยบิน
กล้าทั้งสิ้นกล้าเพื่อธรรมกล้านำทาง
กลอนกล้า: มาเหลืองกันเถอะ
เป็นจริงกว่าเกินใครนึกลึกล้ำหมาย
พุทธธรรมนำโลกสุขสงบใจ
แต่เหตุใดชนชาวไทไม่อยากรับ
กลอนกล้า ปีใหม่
กล้า chanesd@gmail.com
ไม่เป็นมิตร คิดแยกสี ดีที่ไหน
การเมืองเก่า กินโกงเกลียด เครียดไปไย
ทางออกใหม่ ดำรงตน เป็นคนดี
ใครด่าเรา เบ้าบ้าบื้อ ถือเป็นผี
ใครรักเรา ขอบคุณที่ คิดถึงกัน
ปีบรรจบ ทุกสิ่งต่าง ผ่านพ้นผัน
ทำสิ่งผิด คิดแล้วจำ เลิกทำมัน
พัฒนา สิ่งดีนั้น ให้มั่นไป
รับรู้โลก แล้วไม่นอน นิ่งเฉยไฉ
ยกระดับ ความประเสริฐ เลิศในใจ
พูดคิดดี ทำดีให้ พสุธา
ตริตรองมั่น ใช้สมอง สองมือข้าฯ
เจริญตาม รอยพระบาท ด้วยปัญญา
ธรรมแกร่งกล้า เพื่อโลกหล้า ฝ่าอธรรม
พ่อฉัน
ชีวประวัติโดยคร่าว นพ.พัฒนัตถ์ ศรีสุโข
(อัพเดท มีนาคม 2558)
นพ.พัฒนัตถ์ ศรีสุโข (ตั้น) : Dr.Pattanath Srisukho (Pat), MD
: อาจารย์ ศัลยแพทย์ ผู้บุกเบิก แผนกศัลยกรรม และแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพิจิตร (รับราชการ ปี 2526 -2551) เกือบสามทศวรรษ ที่ได้ช่วยเหลือประชาชนจนถึงปัจจุบัน มีการดูแลรักษาผู้ป่วยมากกว่า 3 แสนรายตลอดการทำงาน
สุขสวัสดิ์ปีวัว ๒๕๕๒
สุขสวัสดิ์ปีวัว ๒๕๕๒
เป็นธรรมดาของผู้คนบนโลกนี้ ที่จะมีการเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยยึดเอาวันที่1ของเดือนมกราคม ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ การเฉลิมฉลองทั้งหลายจะมีขึ้นทั่วโลก ตามโซนเวลาของแต่ละประเทศ จะมีประเพณีนับถอยหลังเข้าสู่วันใหม่ของปีอาจเป็นการเฉลิมฉลองตั้งแต่ปาร์ตี้เล็กๆ ไปจนถึงงานเคาท์ดาวน์รวมคนเป็นหมื่นเป็นแสน (บ้านเราคงไม่แปลกใจกันเท่าไร เพราะปีที่ผ่านมาก็มีการชุมนุมกันเป็นหมื่นเป็นแสนตลอดทั้งปี ฮ่า)
เทคโนโลยี และวิทยาการที่ก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ทำให้มนุษย์สามารถที่จะสร้างสิ่งช่วยในการเฉลิมฉลองให้สนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ยิ่งใหญ่อลังการ แม้จะเผาผลาญงบประมาณหรือเงินจำนวนมากในช่วงเทศกาลวันปีใหม่นี้ ผู้คนจำนวนมากก็ยินยอม
ต่างจากในอดีต ประเพณีเฉลิมฉลองเป็นไปแบบเรียบง่าย(คุณย่าบอก) ไม่มีงานชุมนุมคนจำนวนมาก ไม่มีงานใหญ่โตเฉกเช่นทุกวันนี้ ไม่มีแสงสีเสียงหรือพลุสวยงาม อาจอธิบายได้ว่ายุคสมัยได้เปลี่ยนไป โดยเรารับวัฒนธรรมการเฉลิมฉลองยินดีจากทางตะวันตกเข้ามามากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ การเฉลิมฉลองใดใดก็ตาม หากมีวัตถุประสงค์และวิธีการที่ดี ก็เปรียบเสมือนงานมงคล ที่คอยเติมเต็มกำลังใจของผู้ร่วมงาน ให้ต่อสู้ชีวิตบนโลกใบนี้กันต่อไปหลายคนบอกว่า นี่ทำให้ชีวิตมีสีสัน มากขึ้น แต่ก็ระวังหมดบั้นท้าย (ภาษาสุภาพ) ก็แล้วกันนะครับ
หากแต่บทเรียนจากทุกๆปี คอยย้ำเตือนคนให้ระมัดระวัง อุบัติเหตุ หรือเภทภัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลนี้ได้ บางครั้งแม้เราจะระมัดระวังแล้ว หากคนข้างๆไม่ระมัดระวัง เราก็อาจจะเดือดร้อนไปด้วยได้ ที่กล่าวมานี้หมายถึงทั้งเรื่องการเฉลิมฉลองด้วยไฟ พลุ หรือวัตถุอันตรายต่างๆ และรวมไปถึงอุบัติเหตุจากการเดินทาง ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เขาจึงเรียกช่วงเทศกาลนี้ว่า “7วันอันตราย” นั่นเอง
สิ่งที่เป็นต้นเหตุอีกอย่างหนึ่ง ที่คนโทษกันว่าทำให้เกิดอุบัติเหตุ ก็คือ “สุรา” สุราทำให้ผู้คนขาดสติ ขาดความระมัดระวัง ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยๆ
แต่ความจริงทั้งหมดคือ ไม่ว่าจะดื่มสุราหรือไม่ หากประมาท ก็ล้วนทำให้เกิดแนวโน้มอุบัติเหตุต่อชีวิต และทรัพย์สินทั้งสิ้นดังนั้นจงตั้งสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาท
ปีใหม่ กับการก้าวต่อไปของชีวิต… ล้วนเหมือนกันตรงที่ว่า เมื่อเรามองย้อนไปยังอดีต ไปยังปีเก่าๆ ถึงสิ่งที่เราได้ทำ สิ่งที่เราได้คิด สิ่งที่เราได้รับ ล้วนเป็นบทเรียน…
บทเรียนที่จะทำให้เราคิดว่าเราควรมุ่งต่อไปในทางใด ได้ทบทวนตนเอง การกระทำใดดีและควรทำ การกระทำใดไม่ดีและควรหลีกเลี่ยง บทเรียนตั้งแต่เรื่องการคบแฟน, การเรียน, การดำรงชีวิต ไปจนถึงเรื่องระดับใหญ่ๆ เช่น เศรษฐกิจ, การเมือง, ภาวะโลกร้อน, โอบามา, โอวบามาร์ค ฯลฯ
บทเรียนที่จะทำให้เราระมัดระวังทุกขั้นตอนของชีวิต อย่าได้ยึดติดกับความผิดพลาดเดิมๆ จนไม่กล้าก้าวเดินต่อไป และอย่าผิดพลาดซ้ำรอยประวัติศาสตร์(เช่นเดือนตุลาทมิฬ มีตุลาทมิฬแล้วทมิฬอีก จนไหม้เกรียม เป็นเรื่องน่าเศร้าสลด และขออย่าให้เกิดขึ้นอีกเลย)
เราจะไม่ลืมความสูญเสียทุกครั้งที่สร้างประโยชน์แก่มวลมนุษย์และประเทศชาติ ความโศกเศร้า ผิดหวังในปีเก่า ล้วนก่อกำเนิดพลังที่จะต่อสู้ในปีใหม่
รวมถึงเป็นโอกาสอันดี ที่จะรำลึกถึงพระคุณของบุพการี, พ่อแม่, ญาติพี่น้อง, ครูบาอาจารย์, เพื่อนๆ ที่ดีต่อเรา ฯลฯ ผู้คนที่ช่วยเหลือเรา เมตตากรุณา และสอนสั่ง หล่อหลอมให้เรามายืนได้ถึงทุกวันนี้ รวมถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย
สำหรับผมเองคงต้องขอขอบคุณ INN News และพี่ที่ให้โอกาส มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ทั้งหมดนี้ ปีเก่า เปรียบเสมือนการสั่งสมประสบการณ์ ก่อเกิดบทเรียน ให้ผู้คนเรียนรู้ และเข้มแข็งมากขึ้น และพร้อมจะมองโลกในแง่ดี มุ่งมั่น เดินต่อไปในปีใหม่
ขอให้ทุกท่าน เดินทางโดยสวัสดิภาพ จากปีเก่าสู่ปีใหม่ ด้วยใจ กายที่แข็งแรงครับ
กลอนปีวัวใหม่ กับการฉลองชัย๒๕๕๒
สวัสดี ปีใหม่มา อีกคราหนึ่งระลึกถึง ซึ่งปีเก่า เราผ่านพ้น
แม้ลำบาก หมั่นพากเพียร มุ่งอดทนนี่แหละคน ต้องเข้มแข็ง แรงใจมี
ก่อเกิดผล วีรชน คนสร้างชาติให้ก้าวหน้า หาอืดอาด อยู่กับที่
พรประเสริฐ ไม่เลิศสู้ คุณความดีจิตใจนี้ ยิ่งใหญ่กว่า หาอื่นใด
คิดอ่านดี ทำความดี ให้เสมอแลไม่เผลอ มัวประมาท ขาดสงสัย
ตรึกตรองการ งานทั้งผอง มองการณ์ไกลศาสน์ กษัตริย์ รัฐอยู่ได้ เพราะชนพลี
อุปสรรค ทั้งหลาย ที่กรายกล้ำคร้ามเจ็บปวด ชอกช้ำ อย่าถอยหนี
เป็นบทเรียน ปีวัวใหม่ สู้ชีวีมอบกลอนนี้ ให้พี่น้อง ฉลองชัย
…ณ ซอยอารีย์
…อาจารย์บุญเชียร
…อาจารย์บุญเชียร
กราบเรียนท่านอาจารย์บุญเชียร ปานเสถียรกุล ครับ
ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำทะมึน ละอองน้ำโปรยลงมาจากเบื้องบน… เป็นหน้าฝนนี่ครับ อาจารย์
ผมไม่ได้พบอาจารย์มาเป็นสัปดาห์ จันทร์ที่แล้วได้พูดคุยกับอาจารย์ผ่านทางโทรศัพท์อาจารย์ยังส่งเสียงมาตามสาย ว่าให้พวกนักศึกษาขยันเรียน ตั้งใจ เพื่อการสอบให้ผ่านได้คะแนนดี และ “ไม่ต้องมาเยี่ยมเด็ดขาดนะ” อาจารย์บอกนักศึกษาคิดถึงอาจารย์มากนะครับ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ถามหาว่า อาจารย์บุญเชียร หายไปไหน…
อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องอยากเล่าให้อาจารย์ฟังมากมายเลยครับเหมือนทุกครั้ง เวลานักศึกษาทุกคนมีปัญหา มีเรื่องเล่าต่างๆ นานา ทุกคนจะเข้าไปหาอาจารย์ จะได้ยินเสียงดังดัง จากอาจารย์เสมอครับ หลายครั้งอาจารย์ดุด่าว่ากล่าวจนหลายคนกลัว แต่ลึกๆแล้ว อาจารย์เมตตาทุกคน ช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ
ผมเป็นหนึ่งคนที่ชอบไปหาอาจารย์ มีคนถามผมว่า ทำไมชอบไปหาอาจารย์ มีอะไรน่าสนุกอย่างนั้นหรือ ไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่ ผมคิดในใจ ทุกครั้งที่ไม่ว่านักศึกษาคนไหนก็ตามเข้าไปพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ อาจารย์จะเมตตาและมีความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวนั้นๆ อาจารย์จะยิ้มแย้ม จะหัวเราะก็ล้วนเพราะเรื่องของลูกศิษย์ทั้งหลาย ผมคิดว่าผมไม่ได้คุยกับคนแก่คนเฒ่า อาจารย์บุญเชียรยังคงเป็นสาวสวยสำหรับผมและหลายๆคนอยู่เสมอครับ เพราะสิ่งที่อาจารย์ทำนั้น เป็นสิ่งที่สาวสวยผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะทำได้…
ผมจำได้ครับ เมื่อย้อนกลับไป วันแรกที่ผมได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์ ต้นปี2550 วันนั้น เป็นวันที่ผมและเพื่อนๆ น้องๆ กว่าหลายร้อยชีวิต ไปดักพบอาจารย์ เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการตัดเกรด โดยคาดหวังว่าอาจารย์จะเป็นที่พึ่งพิงให้พวกผม และพวกผมก็คิดไม่ผิด อาจารย์จะคอยต่อสู้เพื่อความไม่ยุติธรรมต่างๆ เสมอมาและเหนืออื่นใด เพื่อผลประโยชน์ของนักศึกษา
อาจารย์ให้ความรัก ดูแลนักศึกษา ทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีรักใครชอบใครเป็นพิเศษ อาจารย์ดูแลสารทุกข์สุขดิบ คอยถามนักศึกษาว่ามีปัญหาอะไรไหม ถ้ามี อาจารย์จะวิ่งเข้าใส่ปัญหา ลุยกับมัน
อาจารย์มิใช่เพียงคณบดีของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นทั้งคนคอยยุติการทะเลาะวิวาทเวลานักศึกษาทะเลาะกัน เป็นทั้งแม่บ้าน รักษาความสะอาด เป็นคนรักษาความปลอดภัย เดินตรวจตราทุกที่ เป็นตำรวจที่คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นพระ สอนสั่งจริยธรรม ศีลธรรมสังคม อาจารย์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา เป็นดั่งผู้ปกครองของทุกคนที่ไม่ว่าพวกเราจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน อาจารย์พร้อมจะให้อภัย และสั่งสอนเสมอ
อาจารย์มีโครงการมากมายที่ช่วยเหลือให้นักศึกษากระตือรือร้น ขวนขวายอ่านหนังสือ ตั้งใจศึกษาเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพ อาจารย์จะดีใจทุกครั้งที่นักศึกษาสอบได้คะแนนดี และใครที่สอบไม่ดี แม้อาจารย์เสียใจ แต่ก็ไม่เคยแสดงออก จะมีแต่คอยตักเตือน ดุด่าว่ากล่าว ผมรู้สึกเสมอว่าอาจารย์ปากร้าย แต่ใจดีมาก เวลาใครมีปัญหาด้านการเรียน อาจารย์จะเรียกมาพบ ดุด่าเสร็จ จะพูดคุยด้วยความเข้าใจ หาทางออกให้ทุกคนเสมอ
นอกจากเรื่องเรียนแล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องกิจกรรมใดใด อาจารย์จะช่วยหางบมาลงสนับสนุนนักศึกษาได้เสมอ สนับสนุนการสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ของสังคม การเล่นกีฬา ดนตรี การจัดค่าย การจัดกิจกรรมต่างๆ การสร้างผลงานสู่สายตานักศึกษาที่อื่น ฯลฯ อาจารย์บอกว่าแต่ก่อนอาจารย์เป็นนักกิจกรรม ทำกิจกรรมหลายชนิด ชอบเชียร์กีฬาอย่างสนุกสนาน กระโดดโลดเต้นไถไปกับพื้น
อาจารย์เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ความสวยของอาจารย์เกิดจากการต่อสู้อย่างดุเดือด ต่อสู้ตลอดเวลา เพื่อนักศึกษา ใครก็ตามที่มาทำร้าย มาดูถูก มาต่อว่านักศึกษา มากลั่นแกล้ง เอาประโยชน์ อาจารย์จะเข้าไปต่อสู้ชนิดว่า ใครคนนั้นอยู่ร่วมโลกกันมิได้แล้ว มีคนเล่าให้ผมฟังว่า สมัยก่อน อาจารย์ เคยแม้กระทั่งชกต่อยกับผู้ชาย นี่คือความเป็นนักเลงของอาจารย์ ที่เวลาผ่านไปสามสิบสี่สิบปี เพื่อสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อาจารย์ไม่เคยเปลี่ยนไป ต่อสู้เพื่อพวกเรา…
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง เป็น ยิ่งกว่าความพึ่งพิง ยิ่งกว่าความเมตตากรุณาที่หาที่สุดมิได้ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่สานความสัมพันธ์ ตั้งแต่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ถึง ปี6 อาจารย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของนักศึกษาทั้งมวล โดยที่อาจารย์อาจไม่รู้สึกตัวอาจารย์จำได้ไหมครับ พวกรุ่นน้องแต่งเพลงให้อาจารย์ พวกเราชุมนุมให้อาจารย์ พวกเราสรรหาสารพัดวิธีแสดงความรักต่ออาจารย์ ผมคิดว่าอาจารย์ดีใจอยู่มาก อาจารย์บอกว่า สิ่งที่อาจารย์ต้องการที่สุด คือให้พวกเราสอบผ่าน เรียนจบไปเร็วๆ เพียงแค่นั้นจริงๆ
ย้อนไปปีก่อนหลายคนตกใจครับ เมื่อทราบข่าวว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายที่ปอด และแพร่ลามไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย อาจารย์ยังยิ้มบอกว่า “ไม่เป็นไร”
อาจารย์ทำเป็นไม่ป่วยครับ ไม่ว่านักศึกษาจะจัดกิจกรรมอะไร จัดงานที่ไหน ออกต่างจังหวัด ไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว อาจารย์จะเดินทางไปให้กำลังใจพวกเราทุกที่ หรือแม้แต่รุ่นพี่พวกเราที่จบไปแล้ว อาจารย์ก็ยังยินดีช่วยเหลือ เดินทางไปหาเสมอ หลายคนถามผมว่า ข่าวที่ว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายนั้น เป็นข่าวโคมลอยใช่หรือไม่ ผมก็หวังว่าจะให้เป็นเช่นนั้น…
อาจารย์ทำตนว่าแข็งแรง มาตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา อาจารย์ต้องแอบคนอื่น ไปหลบตามมุมเพียงเพื่อที่จะเหนื่อยหอบ ต้องทำเป็นแข็งแรงทั้งที่เดินขึ้นบันไดสองสามขั้นยังไม่ไหว ผมเคยแอบถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ถึงยังต้องมาทำงานอยู่อีก ทำงานคณบดีที่เหน็ดเหนื่อย วุ่นวาย ทรมานร่างกายและจิตใจ ทั้งที่อาจารย์มีทุกอย่างพร้อมแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น มีบริวารผู้คนรู้จักมากมาย มีเงินทองทรัพย์สินจนไม่ต้องหาเงินอีก อยู่บ้านไม่สบายกว่าหรือครับอาจารย์ อาจารย์ตอบผมว่า “เมื่อรับตำแหน่งมาแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด” เธอต้องรู้นะว่า ครูเหนื่อยกับพวกเธอเพียงไร “สิ่งที่ครูทำทุกวันนี้ เพื่ออนาคตอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าของพวกเธอ”
อาจารย์บอกว่า “ขนาดลูกครู ครูยังไม่ได้ดูแลขนาดนี้เลย” หลายคนได้สัมผัสและรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ว่าอาจารย์ดูแลพวกเราเปรียบดังพวกเราเป็นบุตรหลานของท่าน
ทุกคนรักและเป็นห่วงอาจารย์มากครับ ที่ผ่านมา มีคนให้เครื่องรางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ บทสวดภาษาต่างๆแก่อาจารย์มากมาย อาจารย์เคยเล่าให้ผมฟังพลางหัวเราะ ตลก ว่าถ้าอาจารย์สวดทุกบทคงเหนื่อยตายพอดี อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ คนเราถ้าทำดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็ดี ให้ความดีคุ้มภัย ไม่ต้องไปใช้เครื่องรางของขลัง
อาจารย์เหน็ดเหนื่อยทำงานหนักเพื่อพวกเราตลอดมา จนลืมใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ ยาก็ไม่ทานตรงตามเวลา ทั้งหมดเพราะเห็นสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตของตน นั่นคือ นักศึกษา จนแม้ตอนหลังอาจารย์รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหลายขนาน ร่างกายทรุดโทรม เป็นไข้บ่อย อาจารย์ก็ยังเดินทางมาคอยดูแลพวกเราตลอดเวลา ยิ้มแย้มหัวเราะ ไม่พยายามแสดงออกให้ใครเห็นถึงความเจ็บป่วย
สัปดาห์ที่แล้ว อาจารย์เหนื่อยหอบบ่อยขึ้น อาจารย์พูดกับผมว่า “สงสัยครูจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ ครูเหนื่อยเหลือเกิน” ผมนึกว่าอาจารย์หยอกล้อพวกผมเล่นเหมือนเคย ในใจสวดมนต์อ้อนวอนระลึกให้อาจารย์ไม่เป็นไร
ผมจำได้ อาจารย์เคยบอกพวกเราเมื่อต้นปีว่า “หมอบอกว่าครูจะอยู่ได้แค่หกเดือน ตอนนี้ครูอยู่ได้เจ็ดเดือน นี่คือกำไรชีวิตแล้ว” ทุกคนปรบมือแสดงความดีใจ เหนืออื่นใด คือยินดีที่คนที่พวกเขารัก เทิดทูน คนที่ให้ความอบอุ่น อาจารย์ยังดูเหมือนว่าแข็งแรงดีอาจารย์เป็นคนไม่กลัวตาย อาจารย์พูดกับผมบ่อยมากว่า การตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่ากลัว คนอยู่นั้นน่ากลัว พวกเธอก็น่ากลัว อาจารย์หัวเราะ
สุดท้ายผมก็ไม่ได้พบอาจารย์ อาจารย์บอกผมว่าอย่ามาเยี่ยม เลยไม่ได้เยี่ยมจริงๆเลยครับ
•••
พวกเราเรียนรู้หลายสิ่งจากอาจารย์ครับ คุณธรรม จริยธรรม แห่งวิชาชีพ อาจารย์สอนให้พวกเรารู้ว่า “การให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” นั้นเป็นเช่นไร อาจารย์เป็นตัวอย่างของแพทย์ ที่เป็นคนดีของสังคมด้วย
พระคุณของอาจารย์นั้น ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนก็คงตอบแทนไม่หมด น้ำใจที่กว้างใหญ่ อาจารย์ได้หล่อหลอมพวกเราขึ้นมา จากเด็กไม่รู้จักคิด ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดมากขึ้น พร้อมที่จะเป็นแพทย์ในอนาคต
แม้ต่อไปนี้ผมอาจไม่ค่อยได้ไปหา เพื่อพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของนักศึกษา ให้อาจารย์ฟัง
แต่เชื่อว่า ทุกครั้งที่นักศึกษาทุกคนระลึกถึงอาจารย์ ต่อจากนี้ไป นั่นเปรียบเสมือนการส่งต่อข้อความไปถึงอาจารย์ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ชีวิตของพวกเราทั้งผองที่อาจารย์ได้ฟูมฟักดูแล ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต ทำอะไรกันอยู่ เติบใหญ่ไปเป็นแพทย์กันเช่นไร
พวกผมคงต้องกราบขอขมาทุกสิ่งที่เคยรบกวนอาจารย์ ทำให้อาจารย์เหน็ดเหนื่อย ลำบาก คอยต่อสู้เพื่อพวกผมตลอดมา และต่อจากนี้ พวกเรานักศึกษา ลูกศิษย์ทุกคนจะตั้งใจฝ่าฟันอุปสรรค และจบไปเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมครับ ให้สมดังสิ่งที่อาจารย์คาดหวัง ต่อไปนี้เราจะต้องยืนหยัดต่อไปได้ด้วยตนเอง สืบสานเจตนารมณ์อาจารย์ “ความแข็งแกร่ง”ของอาจารย์
อาจารย์จะประทับอยู่ในจิตใจของพวกเราทุกคนตลอดไป…
“ท่านอาจารย์บุญเชียร ปานเสถียรกุล – มารดาของแพทย์รังสิต”
กราบแทบเท้าด้วยความเคารพรักครับอาจารย์
แต่งกลอนมาฝากด้วยครับ
มาวันนี้ ไม่มี เธอที่รักสุดจะหัก ห้ามจิต คิดโศกศัลย์
จักจดจำ คำสั่งสอน ทุกคืนวันที่สอนว่า ให้เรานั้น เป็นคนดี
ให้อดทน กล้าแกร่ง เผชิญหน้าอุปสรรค ฟันฝ่า ไม่ถอยหนี
มีคุณธรรม นำความรู้ คู่ชีวีหมั่นเพียรนี้ ช่วยเราได้ ให้มั่นคง
ใช้โอกาส ที่ท่านให้ เป็นทางผ่านสู่งานการ สำเร็จล่วง สมประสงค์
มิตรภาพ ทั้งผองไว้ ให้ดำรงความซื่อตรง ความรัก สามัคคี
แม้เธอจาก ไปแล้ว ไม่ไปลับสร้างรังสิต มีระดับ เกียรติศักดิ์ศรี
เป็นคนงาม น้ำใจ ให้เมื่อมีแพทย์ที่ดี สืบสาน เจตนารมณ์
ชเนษฎ์ ศรีสุโข ปีที่4 (ผู้แต่ง) และนักศึกษาแพทย์ทุกคน
15 กันยายน 2551
กลอนพาไป
กราบสวัสดีปีใหม่ 2551 ภาคแก้ไขเพิ่มเติม
กราบสวัสดีปีใหม่ 2551 ภาคแก้ไขเพิ่มเติม
แก้ไขเพิ่มเติม โดย พ.ญ.ชัญวลี ศรีสุโข
โลกใบกลม หมุนวน จนบรรจบ
หนึ่งปีครบ ชื่นแช่ม จิตแจ่มใส
ตั้งสติ ตรึกตรอง กรองเหตุไป
ถึงปีใหม่ ลาปีเก่า เอ้า…ไวจริง
จุดประทัด พุ่งพลุ ปุปะปั้ง
การเมืองตั้งแต่ปฏิวัติ รัฐบาลขิง
เลือกตั้งใหม่ ก็ยังเน่า เศร้าใจลิง
ได้สาดหมัก อนาถยิ่ง ผู้นำไทย
ประชาชน ตามไม่ทัน วันยังค่ำ
มันซับซ้อน ซ่อนเงื่อนงำ เข้ายำใหญ่
นักการเมืองดีแต่พูดตูดจัญไร
ทะเลาะกันไม่ทันไรก็ดีกัน
การเมืองเป็นเรื่องแบ่งผลประโยชน์
เป็นเรื่องโฉดแย่งพุงปลามาห้ำหั่น
ด่าแล้วกลืนน้ำลายไปวันๆ
ขายตัวกันเร่ไปมาเพื่อหาทุน
การเมืองจะดีอย่างไรให้มานึก
ทบทวนตรึกตรองคิด จิตเนื่องหนุน
ต้องพอเพียง โปร่งใส ใจการุณย์
เป็นการเมืองเปี่ยมบุญหนุนนำไทย
ประชาชนต้องไล่ตามให้ทัน
ข่าวสารนั้นต้องตามติดให้ชิดใกล้
อย่ามัวแต่สนุกสนานเบิกบานใจ
ใครตบใคร ในทีวี มีเฮฮา
ให้อดทน และเชื่อมั่น ว่าวันหนึ่ง
ย่อมมาถึง วันที่ มีคุณค่า
วันที่ธรรมะได้ยาตรา
ธรรมนำพา พ้นภัยทราม ด้วยความดี
คนมอง ทางไกล
คนมองกัน ดื้อรั้น นั้นมีอยู่คนมองดู ไม่รู้ รักแบบไหนคนมองรู้ ประจักษ์ รักเช่นไรคนมองใจ ของฉัน นั้นเพียงเธอ
ไกลทางทางไกลไม่หยุดพัก
ร้างรักไม่สักเท่ารักร้าง
ใจจิตมิดชิดจิตใจกลาง
ปล่อยวางบากบ้างวางปล่อยเอย
มาเป็นกลอนที่มีความหมาย
จริงๆแล้วช่วงนี้สอบหนัก เรียนหนัก เมื่อวานซืนเพิ่งสอบไป พรุ่งนี้ก็สอบ มะรืนก็สอบ
สอบไม่ว่างเว้น สัปดาห์หน้าก็สอบ จันทร์หน้าก็สอบ พุธก็สอบ ศุกร์ก็สอบ
ข้าพเจ้าคงน่วมเป็นกระสอบ
สอบไม่พอ ยังมีงานวิทยาลัย เรื่องระเบียบวินัย การของบประมาณ งานจัดกีฬาสิบสามเข็ม อาคารสถานที่ การประสานงาน ฯลฯ
ล่าสุดวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้ไปประชุมสโมสรนักศึกษาแพทย์ ที่โรงพยาบาลราชวิถี
ได้พูดคุยสารทุกข์ สุขดิบ และปัญหาต่างๆ รวมถึงโครงการของทั้งสองฝาก
และได้แนวทางแก้ไข และการดำเนินการเป็นอย่างดี
หลักในการบริหาร ที่สำคัญในการทำสิ่งต่างๆ ต้องมีเรื่องของการประชาสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวข้องมาก ให้คนรู้ว่าทำอะไร และดีหรือไม่ดีคนตัดสินได้
ท่านประธานแบ่งเรื่องการบริหารจัดการง่ายๆ
ท่านประธานนนท์ดูแลและควบคุมคนในรุ่น โดยเน้นความเฮฮา(ซึ่งท่านทำได้ดี)
ส่วนข้าพเจ้าดูแลเรื่องเอกสารหนัก และการติดต่อสื่อสารกับรุ่นพี่ รุ่นน้องต่างๆนานา
ปิดเทอมเพียงสักครู่ ก็เรียนซัมเมอร์ต่อ ก็มีภารกิจสำคัญนอกจากการเรียน คือ ร่างระเบียบสโมสรนักศึกษาฝั่งพรีคลินิกให้เรียบร้อยภายในหนึ่งเดือน
ซัมเมอร์นี้ ไม่ว่างเอาเสียเลย
ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคที่มีทั้งคนเข้าใจ และไม่เข้าใจ
“มาเรียนหมอทำไม พวกเธอนี่โง่ที่สุด – ตั้งแต่เข้ามาเรียนหมอ พวกเธอได้ทิ้งความสุขของชีวิตไปหมดสิ้นแล้วนะ”
อ.บุญเชียร คณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์ที่เคารพรัก
[ผมเรียนให้แม่ครับอาจารย์ ]