การตัดสินของคณะตุลาการศาลปกครองพิษณุโลก กรณีการสร้างสี่แยกและตั้งสัญญาณไฟจราจรบนถนนสระหลวง
“ศาลปกครองเป็นสถาบันหลักของประเทศ ที่ใช้อำนาจตุลาการอำนวยความยุติธรรม เกี่ยวกับข้อพิพาททางปกครอง โดยมุ่งให้เกิดความสมดุล ในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการดำเนินงานของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ถ้อยคำนี้เป็นป้ายที่ติดเหนือสำนักงานศาลปกครอง จ. พิษณุโลก
วันที่ 22 กรกฎาคม 2558 คณะศาลปกครองพิษณุโลก ได้ตัดสินคดีระหว่างนายกเทศมนตรีเมืองพิจิตร ผู้ถูกฟ้องคดี กับชาวบ้านถนนสระหลวงจำนวน 64 คน ผู้ฟ้องคดี ซึ่งทางนายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรจะดำเนินการรื้อถอนแผงคอนกรีตกั้นกลางถนนสระหลวง บริเวณทางแยกใกล้โรงแรมพิจิตรพลาซ่า และได้เริ่มดำเนินการติดตั้งเสาสัญญาณจราจรตรงทางแยกดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่ทางแยกนั้นมิได้เป็นสี่แยกตรง ๆ แต่มีลักษณะเป็นทางแยกที่เยื้องกันมาก การติดตั้งไฟสัญญาณจราจรจะเป็นทางสี่แยกที่บิดเบี้ยวไม่เหมือนกับทางสี่แยกทั่วไป การดำเนินการของนายกเทศมนตรีเมืองพิจิตร ทำให้ประชาชนถนนสระหลวงที่อยู่อาศัยและประกอบกิจการในบริเวณดังกล่าวได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ไม่สามารถจอดรถหรือใช้ถนนบริเวณดังกล่าวได้ตามปกติ อีกทั้งหากมีลูกค้ามาติดต่อซื้อขายสินค้า ก็ไม่สามารถจอดรถบนถนนบริเวณนี้ได้
ศาลปกครองพิษณุโลก ได้มาตรวจสถานที่ที่พิพาท และไต่สวนคู่กรณี ในวันที่ 6 มกราคม 2558 สรุปได้ว่ามีหนังสือร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จ. พิจิตร ถึงปัญหาการจราจรถนนสระหลวง บริเวณทางแยกใกล้โรงแรมพิจิตรพลาซ่า และขอให้มีการติดตั้งไฟสัญญาณจราจร นายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรได้รับเรื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรในวันที่ 20 ตุลาคม 2557 จึงได้มีหนังสือ ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ขอความเห็นจากผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพิจิตร กรณีเปิดแผงคอนกรีตกั้นกลางถนนสระหลวง บริเวณทางแยกใกล้โรงแรมพิจิตรพลาซ่า ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพิจิตรตอบไม่ขัดข้อง แต่ให้ติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ต่อมานายกเทศมนตรีเมืองพิจิตร พิจารณาดำเนินการ แต่ไม่ได้ดำเนินการเอง ได้อนุญาตให้นายเสริมสุข เหลาชัยอรุณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชัยอรุณแก๊สจำกัด เป็นผู้ดำเนินการติดตั้งไฟสัญญาณจราจร เพื่อที่จะทำสี่แยก โดยทางเทศบาลไม่มีแผน โครงการ งบประมาณ และมิได้มีการศึกษาถึงเหตุผลทางวิศวกรรมจราจรมาก่อน
บริษัท ชัยอรุณแก๊สจำกัดได้นำคนงานมาดำเนินการติดตั้ง เสาสัญญาณไฟจราจร วันที่ 23 ธันวาคม 2557 ราษฎรชุมชนสระหลวงจึงร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการ และนายกเทศมนตรีเมืองพิจิตร ว่าการกระทำดังกล่าวจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ไม่มีการรับฟังความเห็น ชาวชุมชนสระหลวงไม่มีส่วนร่วม ทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่เทศบาลมาร่วมติดตั้ง เสาสัญญาณไฟจราจร แต่อย่างใด
ต่อมาผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพิจิตรได้ชี้แจงว่า กรณีที่มีความเห็นว่าสามารถเปิดแผงคอนกรีตและติดตั้งไฟสัญญาณจราจรในที่พิพาทนั้น มิได้เป็นการอนุญาต แต่เพื่อให้นายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรประมวลเหตุผลและความจำเป็น การอนุญาตเป็นอำนาจของผู้บังคับการตำรวจภูธรพิจิตร
คำตัดสิน สรุปใจความได้ว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ. 2496 มาตรา 48 เดรส กำหนดให้นายกเทศมนตรีมีอำนาจหน้าที่ กำหนดนโยบายโดยไม่ขัดข้อกฎหมาย และรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ และนโยบาย ฯ และมาตรา 50 ประกอบมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้นายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรเมืองมีหน้าที่ต้องทำในการจัดให้มีและบำรุงทางบกและทางน้ำ ซึ่งการดำเนินการให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ดังกล่าวนั้น ตามมาตรา 56 วรรคสองกำหนดไว้ว่า การปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของนายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สุขของประชาชน โดยวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล การจัดทำงบประมาณ การจัดซื้อ จัดจ้าง การประเมินผลการปฏิบัติงาน และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สำหรับการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรบนทางหลวง จำเป็นต้องพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสม เพราะหากไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดความล่าช้าแก่คนข้ามถนนและยวดยานที่จะเข้าสู่สี่แยก ซึ่งอาจทำให้เกิดการฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร และเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รวมทั้งส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีบ้านพักอาศัยและประกอบกิจการในบริเวณที่จะติดสัญญาณไฟจราจรอีกด้วย ดังนั้นการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรควรอยู่บนข้อเท็จจริงที่เพียงพอและอยู่ในดุลพินิจของวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบและพนักงานจราจรที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงเหตุอันควรในการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรได้แก่ ปริมาณจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน, จำนวนอุบัติเหตุ, จำนวนคนข้ามถนน เป็นต้น ไม่ใช่เพื่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
การติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ไม่พบว่านายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรได้จัดให้มีการพิจารณาข้อเท็จจริง ตลอดจนการสำรวจความคิดเห็นและรับฟังเสียงของประชาชนแต่อย่างใด มีแต่ขอความเห็นจากผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพิจิตร ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจที่จะอนุญาตได้ ทั้งยังอนุญาตบริษัท ชัยอรุณแก๊สจำกัด ได้นำคนงานมาดำเนินการติดตั้ง เสาสัญญาณไฟจราจร อันมิใช่เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ทำได้ และไม่ใช่กรณีที่นายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรจะกำหนดให้ผู้อื่นทำแทนได้ จึงเป็นการกระทำที่เกิดจากการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การมอบให้บริษัท ชัยอรุณแก๊สจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเอกชน เป็นผู้ดำเนินการ มิได้มีการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เป็นการอนุญาตที่ไม่มีระเบียบกฎหมายกำหนดให้ทำอย่างนี้ได้ จึงเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และไม่ชอบด้วยมาตรา 48 เดรส และมาตรา50 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496
พิพากษาห้ามมิให้นายกเทศมนตรีเมืองพิจิตรดำเนินการติดตั้งสัญญาณไฟจราจรที่พิพาท จนกว่าจะได้มีการศึกษาและวิเคราะห์เหตุผลทางวิศวกรรมจราจรและดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้